วันศุกร์, มีนาคม 31, 2549

ทะเลน้อย

พระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลน้อย
29 มีนาคม 2549

แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของเวลา
ที่เบื้องหน้าสุดสายตา
น้ำใสดั่งกระจกจรดขอบฟ้า
ฝูงนกแหวกว่ายหาปลา
หอมกลิ่นบางเบาของบัวบา
ลมอ่อนเอื่อยพัดพริ้วพา
ชะล้าง จิตมั่น อัตตา
แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของเวลา
ขอเป็นเพียงไรน้ำ แหวกว่ายไปมา

วันเสาร์, มีนาคม 25, 2549

โจน จันได นักสร้างบ้านดินกับโลกทัศน์เชิงนิเวศ

โจน จันได : ใช่ เรามักจะคิดว่าตัวเรานี่คือตัวเรา ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งอื่น คนทั่วๆ ไป แต่ความเป็นจริงแล้วเราคือสิ่งหนึ่งของจักรวาลเท่านั้นเอง เราไม่ได้แยกแต่เราไปหลอกตัวเองว่าเราไม่ได้แยก ร่างกายที่เราเห็นมันไม่ใช่ของเราเลย นั่นไม่ใช่แค่นี้ มันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ผักที่เราเห็นอยู่น่ะ ก็คือสิ่งที่จะมาเป็นชีวิตเราในวันพรุ่งนี้ ข้าวปลาอะไรต่างๆ มันเป็นชีวิตเรา ฉะนั้นการที่จะดูแลสุขภาพ ดูแลตัวเองก็คือการดูแลอาหารที่เราจะกินเข้าไป ดูแลที่ที่เราอยู่อาศัยไม่ใช่ไปวิ่งออกกำลังกายไม่ใช่ซื้ออาหารเพื่อสุขภาพแต่ร้านสุขภาพ ไม่ใช่การวิ่งแต่ไปหาหมอ นั่นไม่ใช่การดูแลสุขภาพ เพราะสุขภาพของเราก็คือทุกอย่างที่อยู่รอบเรา

ตัดมาเพียงส่วนเดียวของบทสัมภาษณ์ โจน จันได
เขียนโดย ณัฐฬส วังวิญญู (สัมภาษณ์) และ วิจักขณ์ พานิช (เรียบเรียง)
วันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๘
อ่านต่อได้ที่
http://www.siamsewana.org//

วันศุกร์, มีนาคม 24, 2549

เท่ากับที่เดิม

and then again
back to where i was
how can i do what i said
i know i'm not that strong
happiness and disappointment come from the same origin
whatever it's called hope? wish? expect?

and then again
laughing then crying
breaking then healing
still in this circle

easier said than done

keep on searching for the way to be happy without wish, hope and prey.
til the judgement come.

วันจันทร์, มีนาคม 20, 2549

จดหมายจากญาดา



วันนี้ได้จดหมายจากญาดา หลานสาว 5 ขวบของเพนกวิน
ยังไม่เคยเจอญาดาตัวเป็นๆซักที
แต่จดหมายนี้ทำให้ ยิ้มและหัวเราะได้แต่เช้าเลย

วันอาทิตย์, มีนาคม 19, 2549

จาก 'ความจริง' ถึง 'การเมือง'

"การต่อสู้กับระบอบทักษิณต้องระมัดระวัง
ไม่ให้ตัวกลายเป็นทักษิณเสียเอง
หรือต่อสู้ด้วยท่วงทำนองแบบทักษิณๆ
มิเช่นนั้น แม้คุณทักษิณจะจากไป
แต่อัปลักษณะประการนี้ของระบอบทักษิณจักยังคงอยู่"
จาก 'ความจริง' ถึง 'การเมือง' โดย ปกป้อง จันวิทย์
เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราตัดมา สามารถอ่านทั้งหมดได้ที่ http://pinporamet.blogspot.com/
ตีพิมพ์ครั้งแรก: คอลัมน์ 'มองซ้ายมองขวา' หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม 2549 อนึ่ง บทความฉบับนี้ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมจากผู้เขียน

วันศุกร์, มีนาคม 17, 2549

หยดน้ำ

ขณะที่กำลังนั่งกินบะหมี่ปูในตรอกแถวสำเพ็ง
เด็กหญิงมอมแมมคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับตะกร้า
ที่เต็มไปด้วยลูกอมและกระดาษชำระซองมาถึงก็พูดห้วนๆว่า
"เอาลูกอมมั้ย"
สังเกตว่าสาวน้อยมอมแมมผมสั้นและดำขำคนนี้ไม่แม้แต่สบตากับคู่สนทนา
อาจจะเป็นโรคกลัวคน หรือได้รับความบอบช้ำทางจิตใจจากผู้ใหญ่อย่างเราๆมาก็ได้
ซื้อโอเล่มาหนึ่งห่อราคาห้าบาท ก็ไม่ถึงขูดรีดเท่าแถวสยามสแควร์
เด็กหญิงได้ตังค์แล้วก็มองหาลูกค้ารายต่อไปไม่สนใจเราอีก
ก้าวไปได้สองก้าว เธอก็หันกลับมา นับเงินในมือไปพลาง
เราถามว่า "เงินไม่ครบเหรอค่ะ"
เด็กน้อยส่ายหน้าไม่พูดไม่จา แต่วางเงินคืนเราบนโต๊ะหนึ่งบาท
เรารู้สึกดีมากๆ ยิ้มให้แบบเก้อๆเพราะเธอไม่มองเลย
บอกขอบคุณเธอ
...แล้วเธอก็ไป

"พระพุทธศาสนาสอนเราว่า อย่าหมิ่นในสิ่งที่เป็นกุศลธรรม
คือสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะดูเหมือนน้อยนิดก็อย่าดูแคลน
อย่างเช่นน้ำที่หยดลงไปทีละหยดๆ ถ้าเราลองเอาถังมาวางตั้งไว้
สักวันสองวันน้ำจะเต็มถังได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นความดี
แม้เพียงเล็กน้อยเราก็ต้องรีบทำ ขณะเดียวกัน อกุศลธรรมแม้เพียงน้อยนิดก็อย่าประมาท
เหมือนกับเปลวไฟเล็กๆ ที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้ใหญ่โตได้
หรือความขัดแย้งในสังคมที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แบบโจรกระจอก
มันก็อาจจะทำให้เกิดการลุกลามได้ถ้าไม่รีบแก้ไข
เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาจึงสอนไม่ให้คนประมาท อะไรที่เป็นความชั่วต้องรีบกำจัด
อย่าให้มันลุกลาม อะไรที่เป็นความดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรีบทำ
อย่างน้อยที่สุดเราก็เชื่อว่า ถ้าเราทำอย่างเต็มที่แล้วไม่สำเร็จ มันก็เพราะเหตุปัจจัยยังไม่พร้อม
ฉะนั้นก็ต้องทำต่อไปอย่าท้อถอย อย่างที่ภาษิตจีนเขาบอกว่า
“ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า”
แต่ถึงแม้เส้นทางแห่งความสำเร็จจะมีเหตุปัจจัยมากมายที่เราควบคุมไม่ได้
เราก็ต้องไม่ลืมว่าตัวเราเองก็เป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ถ้าเราทำให้เต็มที่
เราก็อาจเป็นเหตุปัจจัยที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญ
เมื่อเราทำเต็มที่แล้ว เราก็ยังตอบตัวเองได้ว่าเราทำเต็มที่แล้ว
ทำดีที่สุดแล้ว พอใจแล้ว ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะแพ้หรือชนะ"
รสนา โตสิตระกูล

วันจันทร์, มีนาคม 13, 2549

another quote of another day 07

"ความสุขทำให้คนยิ้ม
แต่บางครั้งการยิ้ม
ก็ทำให้คุณมีความสุขได้"
ติช นัท ฮัน
จากหนังสือ แผนที่ความสุข

วันพุธ, มีนาคม 08, 2549

รสนา โตสิตระกูล

เมื่อไม่กี่วันก่อนไปดูหนังเรื่อง the constant gardener
อธิบายก็คงไม่ได้อารมณ์เท่าไปดูเอาเอง แต่บอกได้ว่าสำหรับเรา
แม่งเป็นหนังที่กระแทกความรู้สึกได้แรงที่สุดเท่าที่เคยดูหนังเรื่องไหนมาในชีวิต
แล้วก็แอบประทับใจ"Tessa"นางเอกของเรื่องเป็นอย่างมาก
วันถัดมาได้มีโอกาสฟังคุณรสนา โตสิตระกูลพูดบนเวทีพันธิมิตรประชาชนฯ
(คงไม่ต้องเกริ่นถึงสิ่งที่เธอเคยได้ทำและทำอยู่ทุกคนคงจะทราบอยู่พอควร)
แล้วก็ตระหนักได้ว่า Tessaไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวละครในภาพยนตร์
แต่เธอมีตัวตนอยู่จริง ในประเทศไทยของเรา
และคงมีอีกหลาย Tessa ทั่วทุกมุมโลก

แด่Tessa ทุกๆคนในโลกนี้ เนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็นวันสตรีสากล
ขอแสดงความนับถือ

........................................................................
อันนี้อีกเรื่องที่ขอฝากกับเพื่อนๆที่ผ่านมาอ่านหน่อย

“รสนา” เชื่อแบนสินค้าสิงคโปร์สำเร็จ ขึ้นกับพลังประชาชน
นางรสนา โตสิตระกูล เครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนต้านคอร์รัปชัน
เปิดเผยว่า ทางเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จะดำเนินการรณรงค์เพื่อบอยคอตสินค้าและบริการจากประเทศสิงคโปร์
ต่อสาธารณะ โดยยึดเอาเวทีชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเป็นหลัก
สำหรับสินค้าที่อยู่ในข่ายการบอยคอตในเบื้องต้นแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ
โดยในกลุ่มธนาคารจะมี ธนาคารยูโอบี และธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ
ส่วนสถานบันเทิง คือฮาร์ดร็อค คาเฟ่ ด้านเครื่องดื่ม ได้แก่ เบียร์ไฮเนเก้น
และไทเกอร์ เบียร์
กลุ่มสายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์, คาเธ่ย์ แปซิฟิก และแอร์เอเชีย
ส่วนกลุ่มโรงแรม ได้แก่ โรงแรมสุโขทัย, วินด์เซอร์, แกรนด์ไดมอน โฮเต็ล,
คอนราด และคลับเมต ทางด้านโรงพยาบาล คือ โรงพยาบาล BNH
นางรสนา กล่าวต่อว่า การบอยคอตสินค้าจะสำเร็จหรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับพลังของประชาชนและสิทธิอันชอบธรรมที่สามารถทำได้
โดยในเบื้องต้นพันธมิตรจะจัดทำคู่มือการบอยคอตสินค้าเพื่อแจกจ่ายประชาชน


โดย ผู้จัดการออนไลน์
7 มีนาคม 2549 23:17 น.

วันศุกร์, มีนาคม 03, 2549

Hidden Connection

เป็นเรื่องแปลกเล็กๆน้อยๆของเราเองที่ค่ำวันหนึ่ง
ก่อนจะกลับบ้านโดยทิ้งงานที่ยังค้างไว้เบื้องหลัง
'ต้องเจอมันอีกแล้วสิน่ะวันนี้' แว้บคิดไปถึงหมาดำในซอยบ้าน
แล้วไม่รู้ด้วยความคิดอะไรก็หยิบกระดาษโน้ตมาแล้วเขียน คำๆนี้ลงไป
"Hidden Connection"
พลางคิดว่าเรากับมันคงมีความผูกพันกันบางอย่างซ่อนอยู่
แค่เขียน แล้วก็วางมันไว้บนโต๊ะรกๆเน่าๆ
เราเองไม่แน่ใจว่าอาจจะเคยได้ยินคำๆนี้มาจากไหนมาก่อนแล้วมันอยู่ในความทรงจำโดยไม่รู้ตัว

เช้าวันถัดมาเพนกวินก็ส่งwebsite เกี่ยวกับงาน truly happy fest
เปิดดูผ่านๆก็ว่าไปเที่ยวเล่นคงน่าสนุกดี
แล้วก็ไปสะดุดตากับกิจกรรมที่มีชื่อว่า "Hidden Connections"
ช่างบังเอิญจริง มองไปบนโต๊ะกระดาษโน้ตแผ่นนั้นก็ยังวางอยู่
ถ้าจะบอกเราว่าจะตื่นเต้นทำไม
แต่มันตื่นเต้นนี่ แปลกจังๆ
ว่าแล้วก็เลยคิดว่าจะเขียนถึงมันซักที เลยได้โอกาสคราวนี้

เจ้าหมาดำ เรียกได้ว่าเป็นหมาข้างถนนที่ดุที่สุดในซอยบ้าน
ตอนกลางวันมันทั้งเห่าทั้งวิ่งไล่คนจนกลัวกันซะ (รวมเราด้วย)
แต่ตกกลางคืนมันจะมานอนอยู่กลางถนนที่ประจำของมัน
เคยสงสัยว่าทำไมมันถึงอยากนอนตรงนั้นน่ะ?
แล้วก็คิดสมมุติว่าถ้าเป็นเราคงจะหามุมหรือกำแพง
เพื่อจะซุกตัวไม่มีเพื่อนมีกำแพงก็ยังดี
แต่ตอนหลังก็มาได้ความรู้ว่าหมามันเป็นสัตว์เลือดเย็น
แล้วถนนเนี่ยมันก็เก็บความอุ่นจากไอแดดตอนกลางวันเอาไว้
เป็นเหตุให้คนกลับบ้านดึกประจำอย่างเรา
ต้องไปขัดจังหวะการนอนของมันทุกครั้งไป
มันคงเกลียดแสงไฟจากรถที่สาดเข้าตาตอนนอนหลับและเกลียดเราด้วย
บางทีก็นึกไม่ออกเลยว่าถ้าหากเป็นเรา
เราจะมีชีวิตอยู่ได้ไงกันโดยที่ไม่มีใครเลยแม้ซักคนเดียว
เราจะผ่านคืนที่ยาวนานได้อย่างไรคนเดียวกลางถนน
เราจะอยู่ไปทำไม?
ความดุร้ายของมันอาจเป็นผลจากความหวาดกลัวและโดดเดี่ยวที่มันได้พบ
แต่เพราะความดุร้ายของมัน เราเองไม่กล้าแม้แต่เดินเข้าใกล้
ไม่มีใครช่วยอะไรมันได้มากไปกว่าแวะเวียนเอาอาหารไปให้มันกิน
เราอยากให้มันได้อ่าน หรือแค่ได้รู้ก็ยังดีว่าเราเขียนถึงมัน
เรานึกถึงมัน และรับรู้การมีอยู่ของมัน
และคิดถึงมันบ่อยๆ