คงจะประมาณ 4 ทุ่มเศษ
แต่วันนี้ก็ดูบรรยากาศคึกคักมาก คงเพราะเป็นวันลอยกระทง
แต่ข้าพเจ้าผู้ไม่เคยพิศมัยเทศกาลนี้เลย
จำได้ว่าไปถึงริมน้ำทุกครั้ง ก็รู้สึกได้อย่างเดียวว่า
มันมีกระทงเยอะเกินไปแล้ว จะใส่ลงไปทำไมอีก?
ปีนี้ไม่แม้แต่จะไปริมน้ำ
แยกย้ายกันที่ร้านสัมตำไก่ย่าง ก็มารอเรียกรถกลับบ้าน
ณ ตรงที่ๆ เคยมี เสาชิงช้า บัดนี้ไม่มีซะแล้ว..แม้แต่เงา
คันแล้วคันเล่าไม่มีรถแทกซี่ยอมไปไกลถึงบ้านเราซักคัน
แต่มีรถเก๋งคันหนึ่งขับพุ่งมาปาดข้างหน้าอย่างเร็วแล้วก็จอด
ผู้ชายคนหนึ่งเปิดออกมาจากด้านข้างคนขับ
ผู้หญิงอีกคนถลาลงมาจากอีกด้าน
ผู้ชายเดินอย่างเร็วมาโบกเรียกรถ
ผู้หญิงวิ่งถลาตามมาพร้อมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
เข้าคว้าแขนผู้ชายคนนั้นเอาไว้
เค้าพยายามสะบัดแขนเธอออก
แล้วก้าวขึ้นไปบนรถตุ๊กๆ
เธอก้าวตามไป
เค้าบอกให้คนขับออกรถ
ทั้งๆที่เธออยู่นอกรถเกือบครึ่งตัว
ขาเธอแกว่งๆไปมา ลอยจากพื้น
เหมือนว่าเธอมีสองขา ... แต่กลับยืนไม่ไหว
เสียงร้องไห้เหมือนแทบขาดใจ
ในที่สุดรถตุ๊กๆเลยไม่ยอมไป
เค้าจำต้องลงมา เธอยุดยื้อเค้าไว้ ทั้งด้วยสองแขนและน้ำตา
แต่ดูเหมือนจะไร้ผล
เค้าดูไม่แคร์
............
ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่าเค้าทะเลาะอะไรกัน
ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่าใครทำร้ายใคร ผิดถูกยังไง
ข้าพเจ้าคิดว่ามันคงไม่ใช่ประเด็น
อยากจะเดินเข้าไปบอกว่า
ปล่อยเค้าไปเห๊อะ
....
แต่ตอนนี้เธอคนนั้นคงไม่สามารถรับฟังอะไรได้
ข้าพเจ้าจากมาจากการเป็นบุคคลที่ 3 ในเหตุการณ์ในที่สุด
....
เสาชิงช้าเคยมีอยู่ ใครจะคิดว่าวันนึงมันยังหายไป?
แต่ลองคิดดีๆสิ ก่อนหน้าที่คนจะสร้างมันขึ้นมา
มันมีอยู่ซะที่ไหนเล่า จริงไหม?
8 ความคิดเห็น:
คอมเมนท์ไม่ออกเรยว่ะ
i am hurt, either which way..
the pain is only real in my mind
พี่ตุ๊กๆ น่ารักจิงๆ
ผู้ชายอาจจะเพิ่งจับได้ว่าผู้หญิงแอบมีชู้ก็ได้นะแก
ซาบซึ้ง...
แต่เสาชิงช้า มันก็มีเคยความสำคัญต่อที่นั่นมากนี่นา
มันเคยมีอยู่ เมื่อมันหายไป เลยต้องสงสัย เสียใจกันเป็นธรรมดา เนอะ...
แต่อีกไม่นานก็คงจะกลายเป็นแค่อดีต แค่ความทรงจำลางๆ ที่ผ่านไป
หรือไม่ก็มีใครมาสร้างอะไรใหม่ขึ้นมาได้อีก :)
แสดงความคิดเห็น