วันอังคาร, มิถุนายน 10, 2551

.

เมื่อเราบอกกับตัวเองว่าเราไม่ต้องการใช้ไม้บรรทัดอันที่เราคิดว่าใครๆ และสังคมบอกให้เราใช้ขีดเส้นชีวิตของเรา และเราเริ่มที่จะพยายามออกเดินไปโดยปฏิเสธไม้บรรทัดอันนั้น สิ่งที่เราพบคือ มันยากน่ะ ในเมื่อระหว่างทางที่เดินไป ใครๆก็ยื่นไม้บรรทัดอันนั้นมาให้อยู่ตลอดเวลา

บางที ไม่ใช่สิ หลายๆทีเราไม่มีสติพอ เราก็เผลอรับมาขีดๆ ทำให้เส้นทางของเรานั้นมันน่าสับสนพิกลพิการซะยิ่งกว่าการเลือกเอาเลยว่าจะขีดหรือไม่ขีดอย่างใดอย่างหนึ่ง หากมองผิวเผินอาจจะมองดูเหมือนว่า ก็นี่ไงคือการประนีประนอมที่จะเป็นตัวเอง และอยู่ในสังคมนี้ แต่ว่ามันกลับยิ่งเป็นเหมือนเสี้ยนหนาม คอยสะกิดใจให้แสบๆคันๆอยู่ทุกที ว่านี่เราหลอกตัวเองหรืออย่างไร รู้ใจดีว่าเรายังแข็งแรงไม่พอ เรายังจริงไม่พอ และเรายังรู้ดีอีกว่าแท้จริงแล้วไม่มีอะไรหรอกที่เรียกว่า "สถานการณ์บีบบังคับ"

ทุกๆอย่างเราเลือกทั้งนั้น เราเลือกเองจริงๆ และเราต้องยอมรับในผลของสิ่งที่เราได้เลือกไปแล้วให้ได้เต็มหัวใจ เหมือนกับเป็นการเปิดใจเปิดตา มองดูและยอมรับตัวตนของตัวเอง ในทุกๆความน่าเกลียด ความหลงลืม ความอยาก ความไม่มั่นคง และความเลวร้ายอันตั้งอยู่บนความติดยึดในตัวตนอย่างเหนียวแน่นของเรา

ที่สำคัญพอๆกันคือเราต้องไม่คลางแคลงใจในอิสระของการเลือกของเราในวินาทีนี้ ที่เรากำลังจะเลือกทำอะไรลงไป เพราะเราเลือกได้ แม้ว่าบางทีเราจะคิดว่า "สถานการณ์บีบบังคับ" มันก็อยู่ที่เราจะรับหรือปฏิเสธไม้บรรทัดอันนั้น มันไม่ใช่ว่าเราตกเป็นทาสของไม้บรรทัด สังคม หรือใครๆ แต่เราตกเป็นทาสของความคิดของเราเองว่ามันมีไม้บรรทัดอันนั้นอยู่จริงตะหากหล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: