วันศุกร์, กรกฎาคม 20, 2550

Another looking deeply lesson


“I’ve chased after rocks all my life. I’m addicted to rocks, all miners are. It really is an addiction. I’ve worked in mines since I was nine years old.” “I’m waiting to go back into the Roosevelt Reserve of the Cinta Larga indigenous people. The police closed it after the Cinta Larga killed 29 miners because they wouldn’t leave the reserve. When I’m on the reserve I work for the Cinta Larga and I get 5 percent of whatever I find. Sometimes I bargain for 20 percent.


Once I found a diamond worth one million dollars. I tried to hide it but I got scared and showed the rock to the Cinta Larga chiefs. I would have been set up for life, but if they’d discovered it I wouldn’t be here now. I didn’t have much time to decide. I had it in my hand. I could hardly breathe. It’s tough in there. On their land they are the law. Respect it or accept the consequences. I prefer not to risk my life. The problem is that the Cinta Larga open and close the mine whenever they want. If you invest in machines to work the mine you can lose everything from one day to the next. And the federal police can come in and shut everything down. You don’t even have time to hide your machine.


Society has a distorted view of miners. People think we’re a scourge. But we’re just a bunch of uneducated poor people trying to make a living. I had three children who all became miners. They’re just like me.
"Most of the time we work in poor conditions and in prohibited places. We’re not equipped to deal with society. We live outside of society, but society enjoys the fruit of our work. Many people wear the rocks we find, around their necks or on their fingers." Sometimes you find a good rock and you have money for a while, but most of us don’t know how to use money. And after a while we’re poor again.”


- Leônidas da Silva, 55, from Maranhão, lives in Espigão do Oeste, Rondônia.
© COLORS 2006. All rights reserved

วันอังคาร, กรกฎาคม 17, 2550

วันแห่งสติ ตอน รักษ์เรารักษ์โลก ที่สวนรถไฟ

ช่วงเช็คดินฟ้าอากาศ แลกเปลี่ยนสิ่งที่พบในอาทิตย์ที่ผ่านมา

ช่วงแนะนำหนังสือน่าอ่าน และแลกกันยืม (มีหนังสือหลากหลายมากตั้งแต่วรรณกรรมเยาชนไทย เทศ เรื่องสั้น หนังสือธรรมะการ์ตูน ไปจนถึงหนังสือที่ดูเกือบจะเหมอืนตำราเรรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ คราวหน้าเอาอีกน่ะ)

ช่วงภาวนากับการทำงาน จับภาพขณะพี่โก๋และนิ้งเก็บขยะที่คนมาเที่ยวสวนทิ้ง แล้วเรายังมาโหวตกันด้วยว่าเจออะไรมากที่สุด ได้ข้อสรุปว่า ฝาขวด หลอด โอเล่ และซองถุงยาง เยอะเจงๆ ฮ่าๆ


นอกจากนี้เรายังทำอาหารมาปิกนิคกัน โดยเราจะพยายามไม่สร้างขยะคือเอาอาหารใส่กล่องมา หญิงทำไข่เจียวค่อนข้างเบสิคๆไปหน่อย ฮ่าๆ พี่ดวงทำขนมปังสไตล์อิตาเลียนแบบ กินแล้วนึกว่าอยู่เวนิซ แต่พี่ดวงก็พูดว่า มันทำง่ายๆมากเลยครับ พี่ป๊อกต้มผัก พี่อะตอมกะพี่ตาหนูมาพร้อมขนมเพียบ นิ้งเอาผัดผักที่คนชมว่าอร่อยมา แต่ นิ้งให้แม่ทำ ชิ ส่วนเราเอาสละที่พี่ปอกไว้เราก็แฮ๊บมา กะผัดผักที่ไหว้ ไหว้จิงๆ ไหว้วานให้พี่ช่วยผัดให้ อนาถจิตการทำอาหารไม่เป็นของตนเจงๆ จะต้องหัดบ้างแล้ว การที่แต่ละคนทำอาหารมาทำให้ตอนที่เราพิจารณาอาหารทำให้เราเห็นภาพขำๆเช่น กินไข่เจียว ขอบคุณหญิงที่อุตส่าตื่นเช้ามา ทำท่าทางต้องเก้ๆกังๆ ชัวร์ และขอบคุณพี่สาวตัวเอง รู้สึกเหมือนได้เอาพี่มาปิกนิคด้วย ด้วยความใจดีที่ทำให้ทุกอย่างเล้ย :)
และโปรแกรมที่ขาดไม่ได้คือนั่งสมาธิและ ทวนศีล เป็นการทวนศีลกันเองง่ายๆที่ศาลาริมน้ำ มีเจ้ากระรอกหวังของกินมารบกวนสมาธินิดหน่อยแต่ก็สร้างบรรยากาศสวนให้รื่นรมย์

วันเสาร์, กรกฎาคม 07, 2550

Yi Yi


"YI YI" ไปดูกะพี่เอ พี่จัน พี่ป๊อก

Truth is somewhat bigger than us to judge.
Because we always know only half of the truth.
We can't even see our own back!
no matter who we are, the wise or the dump, the grew up or the kid.

Thay always say " Are you sure? "

วันศุกร์, กรกฎาคม 06, 2550

as one listen to the rain

Listen to me as one listens to the rain,

not attentive, not distracted,

light footsteps, thin drizzle,

......
Octavio Paz

กลอนบทนี้ของ Paz จริงๆยาวกว่านี้มาก แต่เพียงสามวรรคแรกที่ได้อ่าน
มัน ยังไงหล่ะ โดนนนนนนนนนน
อยากจะฝึกที่จะฟังอะไรๆเหมือนกับฟังเสียงสายฝนพลัมๆ
ฟังให้เหมือนกับใบไม้ที่อยู่ตรงนั้นฟังแสงแดดอุ่น
ฟังให้เหมือนกับดอกบัวบานเปิดรับหยาดฝนทุกหยดที่โปรยลงมา
as one listen to the rain
not attentive, not distracted,

"listen with your whole being not only your head" หลวงพี่ฟับเวียน

วันอังคาร, กรกฎาคม 03, 2550

.

ในเช้าวันที่ท้องฟ้าขมุกขมัว รถก็ติดหนึบไม่ค่อยจะยอมขยับแม้จะเป็นทางด่วน(เก็บตังค์แพง)พิเศษก็ตาม มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆแต่ว่าดึงดูดสายตาของเราได้เร็วมากจริงๆในฉากแบบที่ว่านี้ ก็คือเจ้าผีเสื้อ มันบินผ่านมาเหนือกระจกรถ (บนทางด่วนเนี่ยน่ะ)
ตอนแรก งงครับ งงมากเลยทีเดียว
ถ้าหากว่านี่เป็นเกมส์โฟโต้ฮันท์ ให้จับผิดว่าอะไรผิดที่ผิดทางก็คงต้องจิ้มไปที่เจ้าผีเสื้อไม่ต้องสงสัย
เค้าว่ากันว่าผีเสื้อเป็นมาตราฐานการวัดสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่ง หากว่าบริเวณใดยังมีผีเสื้อพอให้เห็นก็แปลว่าอากาศคงไม่ได้เลวร้ายเกินไป
คิดสงสัยว่ามันจะรอดมั้ย แล้วมันจะบินไปไหน มันอาจจะหลงมาก็ได้
ผีเสื้ออาจจะหลงมาในเมือง หลงมาในที่ๆไม่เหมาะกับความสวยงามและบอบบางของมัน
ผีเสื้อ...ช่างน่าสงสาร
แต่คิดไปอีกที ไม่ใช่ผีเสื้อหรอกที่หลงมาในเมือง
เพราะเมืองครั้งนึงก็เคยเป็นป่า แล้วผีเสื้อก็ยังคงพยายามต่อสู้ดิ้นรนกับความเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะอยู่อย่างที่มันเคยอยู่ต่างหาก
แต่คนต่างหากที่หลงจากโลกสีเขียวๆไปในเมือง หลงเข้าไปทุกทีๆ เมืองก็เลยกว้างใหญ่เข้าไปทุกวันๆ
คน...ช่างน่าสงสาร