วันศุกร์, มกราคม 06, 2560

ฉลาดโง่ งง งวย

อยู่ๆก็คิดขึ้นมาว่า บางทีถ้าแกล้งโง่บ้าง ชีวิตอาจจะง่ายกว่านี้ แล้วก็คิดต่อไปว่า เอ หรือเราก็ไม่ได้ฉลาดอยู่แล้ว จะแกล้งโง่ยังไง คิดแล้วก็กลายเป็นสับสน อะไรคือเกณฑ์ตัดสินว่าอะไรคือโง่ อะไรคือฉลาด บางทีคนฉลาดๆอาจจะคิดอะไรโง่ๆในบางอย่าง บางทีคนโง่อาจจะคิดอะไรบางอย่างได้แบบฉลาดจนคนฉลาดคิดไม่ถึงก็ได้ นึกถึงหนังเรื่อง Adaptation ขึ้นมา พี่น้อง2คน คนนึงดูฉลาด คนนึงดูโง่ ตอนจบ เออหรือคนที่โง่ตะหากที่มันฉลาดกว่าว่ะ

วันเสาร์, ธันวาคม 17, 2559

.

เดินเล่นริมทะเล ปล่อยความคิดเรื่อยเปื่อย ปล่อยสมอง โสติประสาท และสายตาให้สัมผัสธรรมชาติรอบๆ ขอบคุณที่เรามีตาเพื่อมองเห็นความน่าทึ่งของธรรมชาติ เม็ดทรายนับหมื่นนับแสนที่ถูกคลื่นซัดไปมา รวมกันกลายเป็นชายหาดกว้างและยาวสุดสายตา หากเราเพ่งมองลงไปจะเห็นว่าเม็ดทรายมีทั้งสีออกขาว ออกเหลือง ออกแดง ออกดำ พวกมันคงเคยเป็นอะไรมาก่อนที่แตกต่างกัน เป็นเปลือกหอย เป็นประการัง แต่วันนี้มันเป็นเม็ดทรายและเป็นชายหาด หากเพ่งมองลงไป เม็ดทรายเม็ดหนึ่งช่างดูไม่มีความหมายอะไร เป็นละอองเป็นธุลี เพ้อคิดไปถึงใจของมันว่ามันเศร้าบ้างมั้ย มีใครเคยคิดถึงตัวตนปัจเจกหรือความสำคัญในตัวเม็ดทรายแค่เม็ดหนึ่งบ้าง เมื่อคืนในเซเว่นริมหาด พนักงานกวาดทรายจากพื้นที่ถูกนำพามากับรองเท้าของนักท่องเที่ยว ใจก็คิดว่าพนักงานเอาทรายกลับไปเทที่หาดมั้ยหรือลงถังขยะ คงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เม็ดทรายจะเศร้ามั้ยที่ถูกกระทำแบบนั้น มันอาจอยู่กับทะเลมาเป็นร้อยปีจนวันนึงต้องจากไปง่ายๆอย่างนั้น ง่ายๆอย่างนั้นเอง

Ocean

The ocean has that magic power, massive but quite.

วันจันทร์, พฤศจิกายน 14, 2559

คิดถึง ถึงคิด

คิดถึง "ความคิด" ในตอนนั้น..เวลามองก้อนเมฆลอยผ่านไปบนท้องฟ้า คิดถึง "ความคิด" ในตอนนั้น..ที่คิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัว คิดถึง "ความไม่คิด" ในตอนนั้น..ที่ใช้ชีวิตอย่างไม่คิดมาก ที่ทำไม่ได้อีกแล้ว ปลาทองรำพึงรำพันคิดถึง "อ่างใบเก่า"

วันอังคาร, กรกฎาคม 01, 2557

ปกติคือแปลก แปลกคือปกติ

ชีวิตคนเราก็แปลก ตอนที่เราอายุยังน้อยเรามักจะสงสัยในอนาคต ว่าเราจะเป็นอะไร ทำอะไรอยู่ มีชีวิตยังไง แต่เวลาก็เป็นสิ่งที่ดำเนินไปช้าๆแต่แน่นอน อย่างที่ฝรั่งมีคำที่ว่า slowly but surely time goes by แล้วชีวิตมันก็เดินไปเรื่อยๆของมันเองตามวันเวลา หลังจากครั้งสุดท้ายที่เขียนบล็อคนี้ น่าจะเกินกว่าสองปี ชีวิตเหมือนจะเดินไปเรื่อยๆวันต่อวัน สิ่งที่ทำก็ดูมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไปว่าอย่างไรจึงมาเป็นวันนี้ แต่ถ้าลองมองย้อนแบบ เทียบเฉพาะสิ่งที่เป็นเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว กับปัจจุบันนี้ตรงๆ มันก็ต่างกันลิบลับอยู่ ปัจจุบันมีครอบครัวของตัวเอง มีบ้าน มีสามี และลูกติดคือแมวเหมียวตัวหนึ่ง เป็นชีวิตที่ดูปกติสามัญอย่างที่สุด... แต่ถ้าเอาบรรทัดฐานของรูปแบบการใช้ชีวิตเมื่อก่อนมาวัดชีวิตปัจจุบัน อาจจะบอกว่าชีวิตตอนนี้แปลกสุดๆ... มันก็แค่เอาไม้บรรทัดอันไหนมาวัด ชีวิตมันก็เป็นสิ่งแปลกพิลึกใช่ย่อย ธรรมชาติสร้างให้เราเรียนรู้ที่จะผูกพันกับสิ่งรอบตัว สิ่งล่อใจเราคือความสุขความอบอุ่นที่ได้รับ แล้วชีวิตบางทีก็พลัดพรากสิ่งที่เรายึดเหนี่ยวไว้ไปจากเราด้วยสารพัดรูปแบบ เพื่อสอนเราว่า มันไม่แน่นอน... แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ชีวิตก็เป็นวงจรธรรมชาติ มองอีกทีมันก็สุดแสนจะธรรมดา มันก็แค่เอาไม้บรรทัดอันไหนมาวัด เมื่อครั้งที่ยังอายุน้อยเราพยายามแสวงหาตัวตน แสดงตัวตน ผ่านวัตถุ เสื้อผ้า ของใช้ หนังสือที่อ่าน กิจกรรมที่ทำ ทุกอย่างไม่ได้แพงแต่ต้องตรงคอนเซป เช่นว่า ชั้นดีไชนเนอร์ค่ะ ชั้นเซอร์นะ ชั้นอินดี้หว่ะ ชั้นอ่านหนังสือแนวๆด้วย เป็นการแสวงหาตัวตน บวกกับความต้องการแสดงตัวตน และให้คนรับรู้ตัวตนเราอย่างที่เราอยากให้เค้ารับรู้ ปัจจุบัน ไม่แคร์ว่าจะต้องใช้ของที่แสดงตัวตนในแนวไหน เพราะเราค้นพบว่าเราไม่จำเป็นต้องแสดงตัวตนอะไรให้ใครเห็น มันเป็นความรู้สึกมั่นคงภายใน รู้สึกยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นทุกอย่างๆสิ้นเชิง ทั้งกายภาพ และสิ่งที่ไม่เป็นกายภาพ ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือที่ใครๆก็ว่าดีอีกต่อไป อ่านแค่หนังสือที่รู้สึกว่ามันใช่ มันของจริง no BS และทำในสิ่งที่อยากจะทำ และต้องทำ เราเป็นคนที่ชินชามากๆกับการถูกมองว่าเปลี่ยนไป มันเป็นเหมือนเกมรูบิคในจิตใจเรา ที่เราชอบบิดไปบิดมา หมุนไปหมุนมา ขบคิดหลากหลายมุม แต่รูบิคมันก็ยังคงเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ใครจะมองเรายังไงไม่สำคัญเท่ากับว่าเราพึงใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่แค่ไหน

วันจันทร์, มกราคม 31, 2554

กลับมาบ้านเก่า

เมื่อเหงา และคิดถึง
เมื่อรู้สึกหลงทาง
เปิดตู้รื้อดูของเก่า
เศษความคิด ขีดเขียนไว้
บางอย่างที่เลือนไป
ทำให้ใจคิดสงสัย
เราเป็นใคร
เมื่อตอนนั้น
และขณะนี้
เพื่อนบางคนเปิดเว็บดูดวงเมื่อหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
เราเปิดบล็อคเก่า แต่ก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน
ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ยังไง มันก็อุ่นใจ
เมื่อได้กลับมาบ้านเก่า

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 30, 2553

Open your blind

Waking up this morning,
The sunlight through the blind caught my eyes.
I stare,
It's glare.
The blind shaped the sunlight into stripes.
I pecieved,
It's a vision.
The sunlight is infinite.
So open your blind.

วันพุธ, พฤษภาคม 26, 2553

คิดถึง

คิดถึงบ้าน
คิดถึงอาม่า
คิดถึงปูดอง
คิดถึงโรงหนัง
คิดถึงร้านหนังสือ
คิดถึงเพื่อน
คิดถึงคุโรมาตี้
คิดถึงภาพความหลัง

วันจันทร์, มีนาคม 29, 2553

...

Maybe I'm just tired of saying

Or I see no point of talking

It's no need for understanding

I don't care

Therefore I quit typing a word

วันอังคาร, มีนาคม 09, 2553

.

The mind
is a muscle
is a mirror
is the universe
is a fork and a knife
is a soil
is the sky
is a forest
is a swimming pool
is the ocean
is a seed
is a battle
is a playground
that's why I always loose myself in my mind

วันศุกร์, ธันวาคม 11, 2552

...

1000 people may have different opinion and percection about me...but there's only
1 person who can choose the way to live for me.
no one but myself

วันพฤหัสบดี, กันยายน 24, 2552

.

When a leaf fall
Others trembling
When a bird spread it's wings
My soul wants to fly
When the sky thunder
Flowers shake
Everything is moved by the invisible force of everything else.

วันจันทร์, กันยายน 07, 2552

.

Do not hang your mind on the edge of the spoken word.

วันพุธ, สิงหาคม 26, 2552

.

หายตัวไปจาก blog นาน เท่าๆกับที่หายหัวไปจากความปกติ
เหวี่ยงไปทั่วสารทิศ
ใครเค้าว่า เรามันเป็นมนุษย์"ฐานหัว"
แต่ จริงๆแล้ว บางทีเราก็ "ใจ" สุดๆไปเลยมากกว่า

วันอังคาร, มิถุนายน 30, 2552

.

For me

Love is like Water.

We're attracted by many kinds of drink , soda, beer, whisky, wine and so on but when we have too much of those drinks we've a sore throat.

At the end of the day we need only water.

For us who still alive

.....for sure we still have water to drink.

For me

It's means that we own love.

Water and Love we own.

One who knows this shall feel the fullness within him or her.

One who knows this shall love others right.

By offer water instead of drink else.

By not be a cause of sore throat.

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 17, 2552

.

เมื่อวันก่อนได้อ่านบทความหนึ่งในนิตยสารผู้หญิง ว่าด้วยเรื่องราวขององค์กรอาสาสมัครเปิดบริสุทธิ์ในประเทศญี่ปุ่น มีผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่อายุเกิน 25 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย แต่ข้อเท็จจริงทีสลักสำคัญของเรื่องราวก็คือ พวกเธอเหล่านั้นไม่มีความมั่นใจ และกลัวว่าแฟนที่กำลังคบหา และจะพัฒนาต่อไปถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างกันนั้น จะรู้ความจริงว่า ตัวเองแก่ปูนนี้แล้วยังเวอร์จิ้น ไร้ประสบการณ์

สาวหลายคนไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเพราะความไม่มั่นใจในตัวเอง บ้างก็เพราะคิดว่าตัวเอง หน้าอกเล็ก ขาใหญ่ อ้วนเกินไป ด้วยเหตุที่ว่ามานี้จึงได้มีองค์กรอาสาสมัครเพื่อช่วยสาวเหล่านี้ให้ได้มีประสบการณ์ทางเพศ

เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในญี่ปุ่น ที่เมืองไทยเราก็เช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนของเธออีกคนหนึ่งอายุ 30 แล้วแต่ว่ายังไม่เคยมีอะไรกับแฟน แล้วก็เพิ่งละเลิกกับแฟนไปด้วย เพื่อนของเธอจึงขาดความมั่นใจในการเริ่มคบหากับผู้ชายคนใหม่ เพื่อนของเราคนนี้ก็เลยไปถามแฟนตัวเอง ซึ่งเป็นหนุ่มไทยที่เติบโตในเมืองมะกัน ว่าถ้าหากว่าผู้หญิงอายุ 30 แล้วยังเวอร์จิ้น เป็นเรื่องน่าอายรีเปล่า เธอได้คำตอบจากแฟนหนุ่มเป็นภาษาอังกฤษที่แปลไทยได้ใจความว่า "น่าอายมากจนเธอคนนั้นควรจะเก็บไว้เป็นความลับอย่าเอาเที่ยวบอกใครเลยนะ"

ในสมัยหนึ่งผู้หญิงคิดว่าควรรักนวลสงวนตัว เป็นผู้หญิงอ่อนหวาน เป็นแม่ศรีเรือน ถึงจะดูมีค่าเป็นที่ต้องการของผู้ชาย
ในสมัยนี้ผู้หญิงเปลี่ยนความคิดไป แต่ก็เพื่อเป็นที่ต้องการของผู้ชายไม่ต่างกันจากอดีต

ฉันไม่ได้เป็นเฟมินิสต์
และไม่สนใจคำถามประเภทที่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่แคร์ ความจิ้นดี หรือจะแคร์ความมีประสบการณ์ทางเพศดี เพราะคิดว่ามันเป็นหางอึ่งของเรื่องราวทั้งหมดมากกว่า
ฉันคิดว่า ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็ถูกหล่อหลอมให้มีความคิดต่อ สถานะการเป็นหญิง หรือชายของตนเอง จาก สังคม จารีต ประเพณี ด้วยกันทั้งคู่
แล้วไอ้สังคม จารีต ประเพณี เหล่านี้มันก็เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยผู้ที่ใช้มันก็ คือ ทุกคนในสังคมนั่นเอง
ใครจะกล้าพูดได้ว่าเราสามารถปฏิเสธสังคม จารีต ประเพณี ได้อย่างสิ้นเชิง หรือแฮปปี้กับมันทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอย่างนั้นเราจึงต้องมานั่งคิดว่าเราจะอยู่กับมันยังไง เป็นอิสระจากมันแค่ไหน และอิงอาศัยมันแค่ไหนถึงจะพอดีนี่สิเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ต่อคำถามที่สำคัญกว่าเรื่องจิ้นหรือความช่ำชองโลกีย์
คือเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเกย์ หรือกระเทย หรือทอม หรือไบ แบบไหนในยุคนี้

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 07, 2552

.

'เข้าใจ'เป็นคนละเรื่องกับ 'เข้าข้าง'

วันพุธ, พฤษภาคม 06, 2552

Lagoon

wind in movement
water in thrill
pebble in silence
mud in wander

wind, water, pebble and mud
movement, thrill, silence and wander
there's nothing wrong.

วันศุกร์, เมษายน 24, 2552

อีกบทเพลงแสบสันของพี่แจ็คจอนสัน

Everyone laughed at her joke
As if they'd never even heard it before
And maybe they were truly amused
But every word that she spoke was a bore
And maybe it's because they had seen
The previews on the TV screen
Well this part is good and that's well understood
So you should laugh if you know what I mean
But it's all relative
Even if you don't understand
Well it's all understood
Especially when you don't understand
Then it's all just because
Even if we don't understand
Then lets all just believe
Everyone knows what went down
Because the news was spread all over town And fact is only what you believe
And fact and fiction work as a team
It's almost always fiction in the end
That content begins to bend
When context is never the same
And it's all relative
Even if we don't understand
And it's all understood
Especially when we don't understand
Then it's all just because
Even if we don't understand
Then lets all just believe
I was reading a book
Or maybe it was a magazine
Suggestions on where to place faith
Suggestions on what to believe
But I read somewhere
That you've got to beware
You can't believe anything you read
But the good Book is good
And that's well understood
So don't even question If you know what I mean
But it's all relative
Even if you don't understand
Well it's all understood
Especially when you don't understand
And it's all just because
Even if we don't understand
Then lets all just believe
But there you go once again
You missed the point and then you point
Your fingers at me
And say that I said not to believe
I believe I guess
I guess it's all relative

วันพุธ, เมษายน 15, 2552

.

วันนี้เป็นวันที่ถนนทุกสายในกรุงเทพมหานครปลอดโล่งซึ่งรถราอย่างเช่นเคย เนื่องด้วยยังคงเป็นวันหยุดยาว บวกกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่สงบเรียบร้อยดี ทำให้คนเลือกจะอยู่บ้านมากกว่า เหตุนี้เองจะไม่ให้รู้สึกแปลกใจได้ยังไงเมื่อพี่สาวพูดว่า จะขึ้นทางด่วน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ รถไม่ติดซักหน่อย อย่างที่สองคือ วันนี้วันหยุด แล้วจะด่วนไปไหน คิดไปอีกที เป็นไปได้ว่าพี่เราจะมีอาการ “เสพติดทางด่วน” เพราะไม่ว่าเธอจะไปไหน เธอจะมีความคิดว่าควรจะขึ้นทางด่วนอยู่ตลอดเวลา ไอ้เราสิเป็นคนไม่ชอบขึ้นทางด่วน เพราะไม่รู้ว่าจะด่วนไปไหนนักหนา

หรือจะเป็นเราเองที่ผิดแปลก สมัยนี้อะไรๆก็ด่วนไปหมด ทางด่วน อาหารจานด่วน พิมพ์งานด่วน เงินด่วน งานด่วน เรือด่วน รถด่วน หนูด่วน เป็นต้น ว่าแต่ว่า คำว่าด่วนเนี่ย มันคงจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เช่น หากสมัยก่อน ฝ่ายกองทัพพม่าเร่งเดินทัพลงมากรุงศรีอยุธยา ความด่วนอาจจะเท่ากับ 4 เดือน สงสัยอนาคตข้างหน้า คำว่าด่วนอาจจะเท่ากับ เสี้ยววินาที โอ้ว ไม่อยากจะคิดว่า เราจะเอาเวลาที่ประหยัดได้มากมายก่ายกองไปทำอะไรให้โลกมันวุ่นวายได้มากกว่านี้อีกมั้ยหนอ

บางคนที่ไม่มีอาการเสพติดความด่วน ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเสพติดทางลัด เช่น เรียนทางลัด รวยทางลัด ดังทางลัด ขึ้นสวรรค์ทางลัดด้วยการทำบุญปิดพระเจดีย์(ไม่ได้เอ่ยชื่อนะฮะ 555) หรืออาจจะเสพติดสูตรสำเร็จ อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป อะไรๆก็สำเร็จรูป เพียงแค่ฉีกซอง ของที่ได้มาง่ายเราจึงเลิกใช้มันง่ายๆ ทำให้เราบริโภคมากเกินสมดุล และสร้างขยะบนโลกนี้มากขึ้นอีก สมัยก่อน คนอีสานมักจะมีกี่ทอผ้าอยู่ใต้ถุนบ้าน ทอผ้าซิ่น ผ้าขาวม้า แม่จะทอผ้าขาวม้าด้วยไหม ห้าสีแบบเขมรให้ลูกชาย โดยจะทอให้ดีที่สุด เพราะผ้านี้จะเป็นผ้าประจำกายของชายหนุ่มคนนั้นไปอีกนาน ชนชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่ง เมื่อมีลูก แม่จะทอและปักผ้าไว้ให้สวยที่สุด สำหรับห่อตัวเด็กและผ้าผืนนี้เองจะคลุมร่างคนๆนั้นในวันที่เค้าตาย กว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนจะต้องเริ่มจากการปั่นฝ้าย สาวไหม ต้มย้อม ขึ้นตะกอ แล้วก็ทอเป็นผืน ไม่ได้ใช้เงินเสกได้อย่างเช่นเราๆทุกวันนี้

มีครั้งหนึ่งในงานภาวนา ซึ่งเรามีของว่างเป็นข้าวต้มมัด เรากินกันในความเงียบ แต่ในความเงียบนั้นมีสิ่งที่ถูกถามขึ้นมาในใจ “เราประเมินราคาข้าวต้มมัดนี้ อันละกี่บาทกันนะ” 5 บาท 10 บาท หรือ 20 บาท กันแน่ ? สิ่งที่ค้นพบในใจตัวเอง ทำให้ตระหนักได้ว่า นี่เราหลงลืมอยู่ในโลกของความด่วน ทางลัด และสูตรสำเร็จอย่างสาหัส


เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าขั้นตอนการทำข้าวต้มมัดนั้นต้องทำยังไงบ้าง รู้แค่ว่ามียี่สิบบาท จะกินอะไรได้บ้าง เมื่อเราอยากเข้าโรงเรียนดังๆเราก็จ่ายเงินไปเรียนกวดวิชา เพื่อให้ได้สูตรลัดคิดไวจากสำนักติวเตอร์ต่างๆ เพื่อให้ได้เรียนที่ดีๆ ทำงานเก่งๆ ได้เงินเดือนเยอะๆ แล้วเอาตังค์ไปซื้อเสือ้ผ้าใส่ และซื้อข้าวต้มมัดมากิน

ไม่มีพระสูตรไหนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เลยว่าเป็นทางลัด จริงอยู่ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ทางด่วน ทางลัด สูตรสำเร็จนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ทางด่วน ทางลัด สูตรสำเร็จ เหล่านี้จะนำเราไปได้ไกลซักเพียงไหน ด้วยว่าความจริงที่ยิ่งใหญ่นั้นไร้ซึ่งแม้อรรถาธิบาย สำมะหาอะไรกับทางด่วน ทางลัด หรือสูตรสำเร็จ

The water in a vessel is sparkling;

the water in the sea is dark.

The small truth has words that are clear;

the great truth has great silence.

:Rabindranath Tagore

If we as members of the human race practice meditation,
we can transcend our fear, despair, and forgetfulness.
Meditation is not an escape.
It is the courage to look at reality with mindfulness and concentration. Meditation is essential for our survival, our peace, our protection.

– from The World We Have
Thich Nhat Hanh

วันอังคาร, เมษายน 14, 2552

.

In ourselves, there are many things come up .....all the time.
If we listen.
No matter what it is(in our own perception), positive or negative, adorable or unbearable.
We should look deeply in it with calmness and open mind.

Unfortunately we might have been taught so much about good and bad in a way that they are something parallel.

When we find a good one we so happy we praise ourselves but when we find a bad one we think "no! it can't be"and we try to hide it from ourselves or other people.

But the thing is nobody is bad or good at all.
Sometime we don't want to admit that these mean thoughts, ugly feelings is in us.
Or Maybe we do know but we don't want others to know that we're bad or not that good.

This day in our society,I think the most important thing we really need to be is
be natural
when we feel fine to be ourselves
we will be free.
we will be light.
when we feel comfortable to be not-that-good
we will expect less from others.
we will be open to take others just the way they are .
we will respect each other more.

we will have a little bit more of peace.

.


Globe is warming.
Children are hungry.
While we keep on killing each other.

วันพฤหัสบดี, เมษายน 02, 2552

คำคมลูกพี่พิท

"เรามักจะขัดแย้งกับผู้อื่น เพื่อที่จะยืนหยัดในความคิดเห็นของเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่สูญเสียความเป็นตัวเองไป นั่นก็เพราะว่าเราคิดว่าถ้าเรายอมทำตามคนอื่น เราจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เรานั้นมอง ตัวเรา และ คนอื่น แยกออกจากกันเสมอๆ หากว่าเราลองมองให้เห็นว่า เขาต้องการให้เราทำอย่างนั้นเพราะอะไร แล้วเราเข้าใจเงื่อนไขและความยากลำบากของอีกฝ่ายเหมือนกับว่ามันเป็นเงื่อนไขของเราด้วย เราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในใจเขา แล้วเราอาจจะเข้าใจมากขึ้น หากว่าเราทำหรือไม่ทำสิ่งหนึ่งตามความคิดเห็นของอีกบุคคลหนึ่ง โดยที่เรารู้ตัวดีว่าเราทำไปเพราะเหตุผลกลใด เราย่อมเป็นอิสระจากความขัดแย้ง และเราสามารถเป็นตัวของตัวเราเองได้อย่างง่ายดาย"

วันจันทร์, มีนาคม 30, 2552

ดีหรือยัง

ying : พูดว่า:
พี่วิชัยอ่ะ ที่ดูแลพวกเราบอกว่า มีเพื่อนมาถามเค้า ถามจริงๆเหอะ อ.ธีรยุทธดีจริงหรือป่าว
jakpanee พูดว่า:
แล้วเค้าว่าไง
ying : พูดว่า:
พี่วิชัยเลยบอกไปว่า
ying : พูดว่า:
เค้าดีกว่าแกก็แล้วกัน
ying : พูดว่า:
ฮ่าๆๆ
jakpanee พูดว่า:
ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
jakpanee พูดว่า:
ชอบๆ
jakpanee พูดว่า:
พี่คนนี้ฮาดี
ying : พูดว่า:
บอกว่าชีวิตนี้เค้าทำประโยชน์มาเยอะ
ying : พูดว่า:
คุ้มค่าแล้วที่เกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ying : พูดว่า:
ทำได้อย่างเค้าหรือป่าว
jakpanee พูดว่า:
จริงของแก เป็นบทสอนใจว่า เรื่องคนอื่นจะดีไม่ดีไม่ต้องสนหรอก ตัวเองหล่ะดีหรือยัง
ying : พูดว่า:
อื่ออ

.

ฉันเป็นโคอยู่ในคอก
บางครั้งฉันฝันถึงโลกข้างนอก
ที่ไม่เคยเห็น เป็นได้เพียงจินตนาการ
ร้ายหรือดีไม่อาจหยั่งรู้
เช่นนี้เอง วัวในคอกจึงเลือกอยู่ในคอก
ที่คอกมีอาหาร ที่คอกแลดูปลอดภัย
โคขุนกินหญ้า
รอเวลา
ให้ใครมาแล่เถือเนื้อเอาไปกิน

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 26, 2552

ผืนดินนี้ ของใคร?

วันนี้เป็นวันที่3 แล้วตั้งแต่มาถึงเชียงราย เราก็ยังไม่หยุดหย่อนการตระเวรขับรถขึ้นเขาลงดอยไปเรื่อยๆ.....
ก่อนหน้านี้เราก็เคยได้ดูข่าวเกี่ยวกับไฟป่า มลพิษที่เกิดจากไฟป่า ในพื้นที่ภาคเหนือของไทย รวมถึงฝั่งพม่าและลาวอยู่ตลอด แต่3วันที่อยู่ที่นี่ได้เห็นกันจะจะกับตา หากมองจากยอดเขา หลายทิศทางจะเห็นมีควันไฟขึ้นมา ยังมีอีกหลายจุดที่ไหม้กันจะๆเห็นเป็นเปลวไฟริมทางถนนลาดยางกินพื้นที่เป็นไร่ ส่งไอร้อนขึ้นมาถึงคนที่อยู่บนทางสัญจร

เชียงรายวันนี้ฟ้าปิด อาจเพราะเมฆ แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะควัน เชียงรายวันนี้มองไปไม่เห็นเทือกเขานางนอน ขึ้นดอยสูงมองลงมาก็ไม่เห็นทะเลสาบเชียงแสน

มาเชียงรายบ่อยมากๆทั้งด้วยเรื่องเที่ยวและเรื่องงาน แต่คราวนี้แปลกกว่าทุกที คือ มาดูที่ดิน... ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความคิดจะสะสมสมบัติพัสถาน เพชรนิลจินดา ที่ดิน ทอง น้ำมัน (คงเพราะไม่มีตังค์ด้วยละมั้ง) แต่สาเหตุที่มาดูที่คราวนี้ก็เพราะว่า เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว มีพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นคนเชียงราย เปรยๆว่ามีที่ดินแปลงนึงบนเขา สวย สงบ และราคาไม่แพง ตอนนั้นในใจมีความคิดอยากจะปลูกต้นไม้ปลูกป่า อยากอพยพจากเมืองกรุงมาอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่มีตังค์หรอก เลยไปยุให้แม่มาดูที่ดินผืนนี้ โดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักยุแล้วก็ลืมเลย จากวันนั้นผ่านไปหนึ่ง มารู้อีกทีแม่ซื้อที่บริเวณนั้นมาสามสี่แปลง รวมกันเป็นพื้นที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว แม่พูดว่า "ไหนมาบอกให้ซื้อที่ แล้วก็ไม่เห็นไปสนใจเลย จะทำอะไรก็ไปทำสิ"

...วันนี้พื้นที่ดินที่ได้ไปเหยียบ ที่ดินที่แม่ซื้อมา เพิ่งจะถูกคนเลี้ยงวัวเผาเพื่อให้หญ้าขึ้นมาสำหรับเป็นอาหารวัวไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไฟไหม้กินบริเวณเป็นไร่ๆ ดีที่รถดับเพลิงมาทันการณ์ ไม่ไหม้ไปถึงบ้านคนบนเขานั้น

คิดๆไปแล้วไฟไหม้ป่านี่มันอยู่ใกล้ตัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ เท่าที่เห็นกับตาตัวเอง ภูเขาของเชียงรายทุกวันนี้ 90% เป็นเขาหัวโล้นหรือไม่ก็ป่าเสื่อมโทรม อีก 10% เป็นไร่ นา สวน ปลูก ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปาล์ม หรือไม่ก็ยาง สัก ทั้งหมดก็เพื่อผลทางเศรษฐกิจเท่านั้น ป่าไม้หมดไปแล้วเป็นความจริงที่น่ากลัวแต่หลายคนก็ยังไม่รู้ิสึกอยู่ดี

ตอนแรกที่เห็นว่าที่ดินของแม่ถูกไฟไหม้ และก็แทบไม่มีต้นไม้อยู่ ก็รู้สึกเสียดาย แต่ตอนนี้มาคิดอีกที ก็ดีเหมือนกันจะได้ปลูกต้นไม้ไง ปลูกให้เป็นป่า สวน ไร่ นา ในแบบที่คนอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างไม่เบียดเบียนจนเกินไป ไม่แน่ว่าวันนึงข้างหน้าที่นี่อาจจะเป็นบ้านใหม่ของเรา ของนก ของสัตว์ต่างๆก็ได้ พื้นดิน ภูเขา มองไปสุดลูกหูลูกตาแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะเอาแรงเงินแรงกายจากไหนมาทำเหมือนกัน ต้องค่อยๆคิดกันไป

เมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา ได้ดูรายงานข่าวเรื่องการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่สุราษ โดยผู้มีอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่นจ้างคนต่างด้าวเข้าไปตัดไม้ ออกไปขาย และทำให้เป็นป่าเสื่อมโทรมจากนั้นก็ใช้อำนาจในทางที่ผิดออกกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทั้งๆที่เป็นพื้นที่อุทยาน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ถูกลอบฆ่าไปแล้ว 2 คน

ปัญหาป่าไม้มีรอบด้าน ทั้งจากผู้คนที่เห็นแก่เงินเงินเงิน ทั้งๆที่มีจนล้นก็ยังไม่พอใจ หรือจากผู้คนที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง เผาป่าเพื่อทำมาหากิน รวมถึงคนที่นิ่งเฉยดูดายเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกะตู ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม แต่พวกเราทั้งหมดก็กำลังทำลายป่า ทำลายตัวเองกันอยู่

...เขียนมาได้ถึงตรงนี้ เสียงซ่าๆจากฝนที่เทลงมาก็ดังขึ้น (ช่วงนี้กรมอุตุเค้าแม่นแฮะ)ไอเย็นจากฝนเข้ามาทักทาย เหมือนจะบอกว่า ป่าไม้ ภูเขา ยังมีหวังอยู่บ้าง ฝนตกดีอย่างนี้ พรุ่งนี้ฟ้าคงใส ไฟป่าคงดับลงได้ชั่วคราว ฝนบอกให้รู้ว่า เราไม่เคยยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ โฉนดที่ดินไม่ใช้สิ่งที่บอกความเป็นเจ้าของป่านี้ ดินนี้ ภูเขานี้ ....ไม่ใช่และไม่มีวันใช่

วันอาทิตย์, มีนาคม 22, 2552

นางเอ๊กนางเอก

Poppy-โนดะ เมงุมิ-Miranda July-you Know who

บ่อยครั้งที่เพื่อนฝูงมักมาทักว่า เฮ้ย แกเหมือนนางเอกในหนังเรื่องนี้เรื่องนั้นเลยหว่ะ
แหมพูดมาเท่านี้รู้สึกฟังดูดีไงไม่รู้ เหมือนนางเอก ฮ่าๆ
พอเริ่มมากเข้าก็เริ่มคิดสงสัยว่า เอ๊ะหรือเราเป็นคนบุคลิกโหลๆเลยโดนหาว่าเหมือนคนโน้นคนนี้เยอะไปหมด แล้วแต่ละคำกล่าวอ้าง มองผ่านๆจะพบว่ามีแต่ผู้หญิงเพี๊ยนทั้งนั้นเลยนี่หว่า ว่าแล้วก็ต้องลองเอาเหล่านางเอกทั้งหลายที่ได้รับยกย่องให้เป็นมาดูซะหน่อย อยากรู้ว่าพวกเธอมีอะไรที่คล้ายคลึงกันมากน้อยแค่ไหน และคล้ายคลึงกับตัวเราจริงอย่างว่าหรือไม่
อืมมมม เริ่มไม่ถูกแฮะ ...
Poppy จาก Happy go Lucky หญิงสาววัยสามสิบที่อารมณ์ดีและมองโลกในแง่ที่สวยงามแต่ไม่ใช่บ้องแบ๊ว เป็นคนที่มีบุคคลิกภาพโดดเด่นแตกต่างเป็นอย่างมาก บางคนอาจจะมองว่าเธอเพี๊ยนๆก็ไม่แปลก คิดถึงตรงนี้แล้วยังรู้สึกว่าเราก็ไม่ได้เหมือนขนาดนั้นซะหน่อย แต่ถือว่าเป็นคำชมนะ ถ้าหากว่าเหมือนจริง
คนต่อมา Nodame หญิงสาวสุดพิเศษอีกคนหนึ่ง เป็นตัวของตัวเองสุดๆ แต่ไม่เคยรู้ตัวเอาซะเลย นอกจากมีพรสวรรค์และความมุ่งมั่นแล้ว ยังเป็นคนสับสนแต่ก็ร่าเริงสุดๆ แต่ที่เค้าว่าเหมือนก็คงไม่พ้นเรื่อง ความซกมก ห้องรก ไม่สระผมอะไรทำนองนี้
จะยังไงก็ตามเธอเป็นคนดัง ดังมากทีเดียว ดังนั้นถ้าหากโดนหาว่าเหมือนโนดาเมะ ก็ถือเป็นคำชมอีกคำโตๆแล้วกันเนอะ
คนสุดท้าย Miranda July สาวติสต์แตกสุดขั้ว แต่ก็เป็นผู้หญิ๊ง ผู้หญิง เป็นคนมีอะไรอัดอยู่ในหัวเยอะจนต้องปล่อยมันออกมาให้ได้เห็นกันเสมอๆ และเธอเป็นคนจริงจัง จริงใจนะเราว่า สรุปแล้วเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆไปอีกแบบหนึ่ง ถ้าถูกหาว่าเหมือนเธอคนนี้ก็ต้องถือเป็นคำชมอีกอยู่ดี
สรุปแล้วก็หาข้อสรุปไม่ได้ว่าสามคนนี้และตัวเรา...เค้าเหมือนกันยังไง แต่ที่แน่ๆสามคนนี้เป็นผู้หญิงที่เป็นตัวเองอย่างได้ใจจริงๆ คงเป็นสิ่งนี้แหละมั้งที่พวกเค้าเป็นเหมือนๆกัน....ก็เค้าเป็นนางเอกนี่นะ ฮิ

.

หนึ่ง คนกวนๆ
สอง คนห้วนๆ
เป็นเรื่องง่ายๆถ้า พูดว่า มันไม่ได้หมายความว่้าเค้าเป็นคนไม่ดีหรือไม่น่าคบหา
แต่เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยเวลาเจอจริงๆ ถ้าไม่มีสติพอ เราก็จะเผลอมีความคิด re-act ทันที

ในทางกลับกัน
หนึ่ง คนพูดดี
สอง คนพูดหวาน
ไม่ได้แปลว่า เค้าเป็นคนดีเสมอไป

จำเอาไว้นะ จปณ.

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 19, 2552

My first Chiropractic curing




เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อวันเสาร์ที่แล้วนี้เอง จู่ๆก็รู้สึกปวดหลังมากผิดปกติ ซึ่งเป็นช่วงกระดูกสันหลังที่บั้นเอว จนในที่สุดเมื่อวานนี้ก็ได้ตัดสินใจไปพบหมอดอน ซึ่งเป็นหมอกระดูกที่รักษาด้วยวิธีChiropractic ตอนรอก็รู้สึกตื่นเต้นบวกนอยๆนิดหน่อย เพราะเคยเห็นฉากในหนังที่หมอจับคนไข้บิดตัวอย่างเร็วจนเสียงกระดูกลั่นดังๆ

ก่อนเข้าไป พยาบาลใ้ห้นั่งดู วีดีโอความรู้เกี่ยวกับศาสตร์การรักษาแบบแผนนี้ หลักใหญ๋ใจความคือการอธิบายว่า เส้นประสาทการคุมอวัยวะทุกส่วนของเรานั้นมาจากกระดูกสั้นหลัง และสั่งการโดยสมอง ถ้าหากว่าเรามีกระดูกสันหลังที่ ผิดที่ผิดทาง ก็จะทำให้ระบบทั้งหมดรวน การจัดกระดูกก็คือการฟื้นฟูให้กระดูกกลับมาปรกติ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง

เอาละว่ะ คงไม่เป็นอะไรมาก
หายใจเข้าลึกๆออกยาวๆ.....

คุณหมอ : ซาหวัดดีขรับ (หมอเป็นฝรั่ง)
อาการเป็นยังไรบางขรับ
เรา: ก็ปวดหลังค่ะ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว
คุณหมอ: แล้วนอกจากนั้นหล่ะ มีอะไรอีกบ้าง เคยประสบอุบัติเหตุมั้ย เคยผ่าตัดมั้ย
เรา: ก็มีปัญหาปวดหัวเข่าค่ะ เป็นมาไม่ถึงปี แล้วก็อืมม เคยตกจากโต๊ะ แล้วก็ตกจาก inline skate แต่ว่าก็นานมากๆแล้วค่ะ เป็นสิบปีแล้ว

จากนั้นหมอก็ขอดูหลัง เสร็จแล้วก็ให้นอนหงาย แล้วให้ยกเท้าสองข้างขึ้นแตะมือหมอที่วางลอยอยู่กลางอากาศ แล้วให้ยกสลับกันทีละข้าง "โอเคยกได้ไม่ปวดแสดงว่าไม่น่าจะมีปัญหากับหมอนรองกระดูกสันหลังนะขรับ" จากนั้นก็ให้นอนคว่ำบนเตียง หมอสั่งให้พยาบาลใช้เครื่องอะไรซักอย่าง ทำการบรรเทาอาการเฉพาะหน้าก่อน ให้กล้ามเนื้อดีขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือน acupuncture แบบจีน ผ่านไปสิบนาทีเกือบจะหลับไป

หมอก็เข้ามาดูที่ปลายขาแล้วก็บอกว่า "ขาสองข้างยาวไม่เท่ากัน ขาซ้ายยาวกว่าขาขวาประมาณ 2 ซม. เคยสังเกตบ้างมั้ย"
"......."
คุณหมอ : เคยเป็นโปลิโอหรือเปล่าขรับ หรือว่าเคยขาหัก กระดูกหักบ้างมั้ย
เรา: ไม่ค่ะ
คุณหมอ : อย่างนั้นแปลว่าเป็นการขาเท่ากันแบบปลอม คือเกิดจา่กกระดูกเชิงกรานเปิดออกไม่เท่ากัน(อะไรประมาณนี้เท่าที่คิดว่าแปลถูกนะ)
คุณหมอ : แล้วทำไมคุณถึงใช้ภาษาอังกฤษได้ดีละขรับ เรียนที่united state เหรอขรับ นอนตะแคงด้วยขรับ 1 2 3 แล้วหมอก็บิดจับเราบิดตัวอย่างแรง กร๊อกกกกกกกกกกก ดีขรับดี
เรา:..... !!!!!!!
คุณหมอ : เรียนหรือทำงานอยู่ขรับ หันอีกข้างขรับ กร๊อกกกกกกกก บิดทีที่2
เรา : ทำงานค่ะ !!! อ๊ากกกกกก
คุณหมอ : ทำอะไรขรับ กร๊อก บิดทีที่3
เรา : ...ทำงานออกแบบค่ะ
คุณหมอ : ออกแบบอะไรขรับ กร๊อกกกกกกกบิดทีที่ 4
เรา : เอ่อ เครื่องเขียน ของขวัญอะไรประมาณนี้ค่ะ
คุณหมอ : เหรอขรับ กร๊อกกกกกกก คราวนี้หักคอไปซ้าย แล้วหักไปขวาอีกที
เรา : จ๊ากกกกก เริ่มอยากหัวเราะเหมือนบ๊อบบี้ ใน happy go lucky แล้วววว
คุณหมอ : ทีนี้นอนคว่ำนะขรับ แล้วก็เอาฝ่ามือเท่าใบพายอัดหลัง อีกสองสามที เหมือนหนังจีนหรือเปล่า่ว่ะเนี่ย
คุณหมอ : โอเคขรับ ลองลุกขึ้นยืน เป็นยังไงบ้างขรับ เจ็บไหมขรับ
ผมต้องการให้คุณมารักษาสัปดาห์ละครั้ง แล้วเราจะดูอาการต่อจากนี้อีกทีนะขรับ บางทีถ้าขาคุณเท่ากันแล้ว เข่้าคุณอาจจะดีขึ้นเองก็ได้
.....
ตอนออกมาก็เหวอๆ งงๆอยู่ สรุปแล้วหมอหลอกชวนคุยไปมาเพื่อไม่ให้ตกใจเวลา่โดนหักตัวนี่เอง

ที่น่าแปลกคือ พอกลับมาแล้วอาการปวดหลังก่อนไปหาหมอหายเกือบจะเป็นปลิดทิ้ง แต่อาการยอกและแปล๊บๆไปตามกระดูกที่หมอหักมาเยือนแทน --'