วันพฤหัสบดี, มีนาคม 26, 2552

ผืนดินนี้ ของใคร?

วันนี้เป็นวันที่3 แล้วตั้งแต่มาถึงเชียงราย เราก็ยังไม่หยุดหย่อนการตระเวรขับรถขึ้นเขาลงดอยไปเรื่อยๆ.....
ก่อนหน้านี้เราก็เคยได้ดูข่าวเกี่ยวกับไฟป่า มลพิษที่เกิดจากไฟป่า ในพื้นที่ภาคเหนือของไทย รวมถึงฝั่งพม่าและลาวอยู่ตลอด แต่3วันที่อยู่ที่นี่ได้เห็นกันจะจะกับตา หากมองจากยอดเขา หลายทิศทางจะเห็นมีควันไฟขึ้นมา ยังมีอีกหลายจุดที่ไหม้กันจะๆเห็นเป็นเปลวไฟริมทางถนนลาดยางกินพื้นที่เป็นไร่ ส่งไอร้อนขึ้นมาถึงคนที่อยู่บนทางสัญจร

เชียงรายวันนี้ฟ้าปิด อาจเพราะเมฆ แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะควัน เชียงรายวันนี้มองไปไม่เห็นเทือกเขานางนอน ขึ้นดอยสูงมองลงมาก็ไม่เห็นทะเลสาบเชียงแสน

มาเชียงรายบ่อยมากๆทั้งด้วยเรื่องเที่ยวและเรื่องงาน แต่คราวนี้แปลกกว่าทุกที คือ มาดูที่ดิน... ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความคิดจะสะสมสมบัติพัสถาน เพชรนิลจินดา ที่ดิน ทอง น้ำมัน (คงเพราะไม่มีตังค์ด้วยละมั้ง) แต่สาเหตุที่มาดูที่คราวนี้ก็เพราะว่า เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว มีพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นคนเชียงราย เปรยๆว่ามีที่ดินแปลงนึงบนเขา สวย สงบ และราคาไม่แพง ตอนนั้นในใจมีความคิดอยากจะปลูกต้นไม้ปลูกป่า อยากอพยพจากเมืองกรุงมาอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่มีตังค์หรอก เลยไปยุให้แม่มาดูที่ดินผืนนี้ โดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักยุแล้วก็ลืมเลย จากวันนั้นผ่านไปหนึ่ง มารู้อีกทีแม่ซื้อที่บริเวณนั้นมาสามสี่แปลง รวมกันเป็นพื้นที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว แม่พูดว่า "ไหนมาบอกให้ซื้อที่ แล้วก็ไม่เห็นไปสนใจเลย จะทำอะไรก็ไปทำสิ"

...วันนี้พื้นที่ดินที่ได้ไปเหยียบ ที่ดินที่แม่ซื้อมา เพิ่งจะถูกคนเลี้ยงวัวเผาเพื่อให้หญ้าขึ้นมาสำหรับเป็นอาหารวัวไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไฟไหม้กินบริเวณเป็นไร่ๆ ดีที่รถดับเพลิงมาทันการณ์ ไม่ไหม้ไปถึงบ้านคนบนเขานั้น

คิดๆไปแล้วไฟไหม้ป่านี่มันอยู่ใกล้ตัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ เท่าที่เห็นกับตาตัวเอง ภูเขาของเชียงรายทุกวันนี้ 90% เป็นเขาหัวโล้นหรือไม่ก็ป่าเสื่อมโทรม อีก 10% เป็นไร่ นา สวน ปลูก ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปาล์ม หรือไม่ก็ยาง สัก ทั้งหมดก็เพื่อผลทางเศรษฐกิจเท่านั้น ป่าไม้หมดไปแล้วเป็นความจริงที่น่ากลัวแต่หลายคนก็ยังไม่รู้ิสึกอยู่ดี

ตอนแรกที่เห็นว่าที่ดินของแม่ถูกไฟไหม้ และก็แทบไม่มีต้นไม้อยู่ ก็รู้สึกเสียดาย แต่ตอนนี้มาคิดอีกที ก็ดีเหมือนกันจะได้ปลูกต้นไม้ไง ปลูกให้เป็นป่า สวน ไร่ นา ในแบบที่คนอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างไม่เบียดเบียนจนเกินไป ไม่แน่ว่าวันนึงข้างหน้าที่นี่อาจจะเป็นบ้านใหม่ของเรา ของนก ของสัตว์ต่างๆก็ได้ พื้นดิน ภูเขา มองไปสุดลูกหูลูกตาแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะเอาแรงเงินแรงกายจากไหนมาทำเหมือนกัน ต้องค่อยๆคิดกันไป

เมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา ได้ดูรายงานข่าวเรื่องการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่สุราษ โดยผู้มีอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่นจ้างคนต่างด้าวเข้าไปตัดไม้ ออกไปขาย และทำให้เป็นป่าเสื่อมโทรมจากนั้นก็ใช้อำนาจในทางที่ผิดออกกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทั้งๆที่เป็นพื้นที่อุทยาน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ถูกลอบฆ่าไปแล้ว 2 คน

ปัญหาป่าไม้มีรอบด้าน ทั้งจากผู้คนที่เห็นแก่เงินเงินเงิน ทั้งๆที่มีจนล้นก็ยังไม่พอใจ หรือจากผู้คนที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง เผาป่าเพื่อทำมาหากิน รวมถึงคนที่นิ่งเฉยดูดายเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกะตู ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม แต่พวกเราทั้งหมดก็กำลังทำลายป่า ทำลายตัวเองกันอยู่

...เขียนมาได้ถึงตรงนี้ เสียงซ่าๆจากฝนที่เทลงมาก็ดังขึ้น (ช่วงนี้กรมอุตุเค้าแม่นแฮะ)ไอเย็นจากฝนเข้ามาทักทาย เหมือนจะบอกว่า ป่าไม้ ภูเขา ยังมีหวังอยู่บ้าง ฝนตกดีอย่างนี้ พรุ่งนี้ฟ้าคงใส ไฟป่าคงดับลงได้ชั่วคราว ฝนบอกให้รู้ว่า เราไม่เคยยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ โฉนดที่ดินไม่ใช้สิ่งที่บอกความเป็นเจ้าของป่านี้ ดินนี้ ภูเขานี้ ....ไม่ใช่และไม่มีวันใช่

3 ความคิดเห็น:

Aor Sutthiprapha กล่าวว่า...

หนีเมืองไปอยู่ด้วยคนดิ..นะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เอ้ยยยยยพี่อ้อ ไมใจตรงกัน ว่าจะชวนพี่อ้อไปตั้งสตูปั้นหม้อบนนั้นเลยเชียว

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดถึงดินแล้ว
พี่อ้อกลับมาไวไว