วันอังคาร, กรกฎาคม 01, 2557

ปกติคือแปลก แปลกคือปกติ

ชีวิตคนเราก็แปลก ตอนที่เราอายุยังน้อยเรามักจะสงสัยในอนาคต ว่าเราจะเป็นอะไร ทำอะไรอยู่ มีชีวิตยังไง แต่เวลาก็เป็นสิ่งที่ดำเนินไปช้าๆแต่แน่นอน อย่างที่ฝรั่งมีคำที่ว่า slowly but surely time goes by แล้วชีวิตมันก็เดินไปเรื่อยๆของมันเองตามวันเวลา หลังจากครั้งสุดท้ายที่เขียนบล็อคนี้ น่าจะเกินกว่าสองปี ชีวิตเหมือนจะเดินไปเรื่อยๆวันต่อวัน สิ่งที่ทำก็ดูมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไปว่าอย่างไรจึงมาเป็นวันนี้ แต่ถ้าลองมองย้อนแบบ เทียบเฉพาะสิ่งที่เป็นเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว กับปัจจุบันนี้ตรงๆ มันก็ต่างกันลิบลับอยู่ ปัจจุบันมีครอบครัวของตัวเอง มีบ้าน มีสามี และลูกติดคือแมวเหมียวตัวหนึ่ง เป็นชีวิตที่ดูปกติสามัญอย่างที่สุด... แต่ถ้าเอาบรรทัดฐานของรูปแบบการใช้ชีวิตเมื่อก่อนมาวัดชีวิตปัจจุบัน อาจจะบอกว่าชีวิตตอนนี้แปลกสุดๆ... มันก็แค่เอาไม้บรรทัดอันไหนมาวัด ชีวิตมันก็เป็นสิ่งแปลกพิลึกใช่ย่อย ธรรมชาติสร้างให้เราเรียนรู้ที่จะผูกพันกับสิ่งรอบตัว สิ่งล่อใจเราคือความสุขความอบอุ่นที่ได้รับ แล้วชีวิตบางทีก็พลัดพรากสิ่งที่เรายึดเหนี่ยวไว้ไปจากเราด้วยสารพัดรูปแบบ เพื่อสอนเราว่า มันไม่แน่นอน... แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ชีวิตก็เป็นวงจรธรรมชาติ มองอีกทีมันก็สุดแสนจะธรรมดา มันก็แค่เอาไม้บรรทัดอันไหนมาวัด เมื่อครั้งที่ยังอายุน้อยเราพยายามแสวงหาตัวตน แสดงตัวตน ผ่านวัตถุ เสื้อผ้า ของใช้ หนังสือที่อ่าน กิจกรรมที่ทำ ทุกอย่างไม่ได้แพงแต่ต้องตรงคอนเซป เช่นว่า ชั้นดีไชนเนอร์ค่ะ ชั้นเซอร์นะ ชั้นอินดี้หว่ะ ชั้นอ่านหนังสือแนวๆด้วย เป็นการแสวงหาตัวตน บวกกับความต้องการแสดงตัวตน และให้คนรับรู้ตัวตนเราอย่างที่เราอยากให้เค้ารับรู้ ปัจจุบัน ไม่แคร์ว่าจะต้องใช้ของที่แสดงตัวตนในแนวไหน เพราะเราค้นพบว่าเราไม่จำเป็นต้องแสดงตัวตนอะไรให้ใครเห็น มันเป็นความรู้สึกมั่นคงภายใน รู้สึกยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นทุกอย่างๆสิ้นเชิง ทั้งกายภาพ และสิ่งที่ไม่เป็นกายภาพ ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือที่ใครๆก็ว่าดีอีกต่อไป อ่านแค่หนังสือที่รู้สึกว่ามันใช่ มันของจริง no BS และทำในสิ่งที่อยากจะทำ และต้องทำ เราเป็นคนที่ชินชามากๆกับการถูกมองว่าเปลี่ยนไป มันเป็นเหมือนเกมรูบิคในจิตใจเรา ที่เราชอบบิดไปบิดมา หมุนไปหมุนมา ขบคิดหลากหลายมุม แต่รูบิคมันก็ยังคงเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ใครจะมองเรายังไงไม่สำคัญเท่ากับว่าเราพึงใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่แค่ไหน