วันจันทร์, มีนาคม 19, 2550

Chapel of the Beguinage

Area around the Chapel of the Beguinage, Amsterdam, The Netherland

13 th March 2007,

ผ่านไปพบโบสถ์เล็กๆที่ตั้งอยู่บนถนนแคบๆแห่งหนึ่งหลบอยู่ในมุมสงบกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมโดยบังเอิญ

โบสถ์เล็กๆที่ว่านี้รายล้อมด้วยบ้านแบบดัตช์ซึ่งเท่าที่มีป้ายเขียนบอกว่าเป็นกลุ่มละแวกที่ยังเหลือบ้านที่เก่าแก่มากๆ ตั้งแต่ ศตวรรษที่13 ซึ่งตัวบ้านบางหลังทำด้วยไม้ หาดูได้เพียง สองสามหลังที่หลงเหลืออยู่ ที่น่าสนในคือ ยังคงมีคนอาศัยอยู่กันต่อมาเรื่อยๆ สถาปัตยกรรมแบบดัตช์นี่ถือได้ว่าเป็นการออกแบบที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

เท่าที่รู้ก็อาจนับมาไม่ลึกมาก แต่ก็จะเก็บมาเล่าให้ฟังในครั้งต่อไป
กลับมาที่เรื่องของโบสถ์เล็กๆหลังนี้ดีกว่า
ตัวโบสถ์เดิมก็เคยเป็นไม้แต่ถูกไฟไหม้ไป และได้ถูกสร้างใหม่เป็นอิฐในเวลาต่อมา

วันนี้โบสถ์เปิดและถือว่าโชคดีมากเพราะว่าโบสถ์ไม่ได้เปิดให้คนเข้าชมทุกวัน

ก็เหมือนทุกๆครั้งที่ไปเยือนบ้านเมืองใดที่มีสถานที่ทางศาสนา ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปสัมผัสความรู้สึกของการอยู่ในสเปซนั้นๆ

โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่พิเศษที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยเข้าไปเยือนโบสถ์คาทอลิคไหนๆในโลก

ไม่ใช่ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หรูหรา

ไม่ใช่ด้วยรูปสลัก หรือ ลวดลายบนหน้าต่างใดๆ

เพราะโบสถ์นี้ไม่มีสิ่งที่ได้กล่าวมาเลย

แต่ตรงข้ามคือดูธรรมดามากๆ
หากเป็นคนก็คงเป็นคนที่หน้าตาเรียบๆ
แต่ดูสงบเสงี่ยม ถ่อมตน และมีแววความใจดีในดวงตา
บางทีอาจจะมีเสียงพูดที่เบาเหมือนเสียงลมกระซิบ
(ถ้าจิตนาการเพ้อเจ้อมากไปก้ออย่าใส่ใจ แค่พยายามจอธิบายให้เห็นภาพกะบรรยากาศน่ะคับ)

ข้าพเจ้าเดินตรงไปตามทางที่สองข้างมีเก้าอี้ไม้ยาวสำหรับนั่งสวดมนต์

และหยุดเพื่อนั่งลงที่เก้าอี้ทางซ้ายมือ

สายตาหยุดลงที่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เขียนบนกำแพงโบสถ์

" Create in me a clean heart O God "

โดยไม่รู้ตัวและไม่ได้คิดว่าข้าพเจ้านับถือศาสนาใด

แต่ขณะที่ตามองและสมองอ่านตัวอักษรนั้น

ใจของข้าพเจ้าได้สวดอ้อนวอนไปตามนั้นจริงๆ

หลังจากได้นั่งอยู่ที่นั่นซักพัก

ก็ก้มลงอ่านเอกสารแผ่นหนึ่งที่ได้รับตอนผ่านเข้าประตูโบสถ์มา

เป็นเรื่องราวความเป็นมาของโบสถ์แห่งนี้ซึ่งมีความเก่าแก่มากทีเดียว

และบนแผ่นกระดาษทางด้านขวามีข้อความซึ่งข้าพเจ้าประทับใจอย่างมากเขียนไว้ว่า

"Within these walls let no one be a stranger"

ข้าพเจ้าเกิดคำถามบางอย่างในใจ

พวกเราจำนวนมากแปลและตีความสิ่งที่แต่ละศาสนาของเราสอนอย่างผิดๆ

นำพาให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงมากมายขึ้นในโลก

หากเราศึกษาให้ถึงแก่นของศาสนาแต่ละศาสนาแล้ว

เชื่อว่าแท้จริงแล้วคงไม่มีศาสนาใดที่จะสอนให้เราต่อสู้กันเพื่อความเป็นตัวตนของเรา
ว่าเราถูกและคนอื่นผิด ว่าพระเจ้าของเรามีแต่ของท่านไม่ใช่
หรือคงไม่มีในคัมภีร์ใดสอนและอนุญาตให้เราทำร้ายคนในต่างศาสนา

ศาสนาอาจเปรียบเหมือนบ้านของพวกเราทุกคน

แต่เราต้องรู้จักจะใช้ประตูและหน้าต่างของบ้านเพื่อเข้าออกอย่างเป็นอิสระ

และเราต้องรู้ด้วยว่ายังมีบ้านอีกมากมายในชุมชนของเรา

และพวกเค้าต่างมีความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและทางกายไม่ต่างไปจากเรา

อย่าใช้บ้านของเราอย่างผิดๆ
อย่าใช้บ้านของเราเป็นป้อมปราการเพื่อการต่อสู้
อย่าใช้กำแพงบ้านของเราเป็นคุกกักขังตัวของเราเองเลย




2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

no words..
only appreciation
we feel

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

no words..
only appreciation
we feel