วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 28, 2550

แบบฝึกหัด ฝึกการฟังอย่างลึกซื้งด้วยความรักและหัวใจที่เปิดกว้าง

เราต่างก็เหมือนคนตาบอดที่คลำช้าง คนนึงจับถูกหูก็ว่าช้างเป็นแผ่นแบนๆ อีกคนจับถูกขาก็ว่าช้างเป็นแท่งกลมๆ อีกคนจับถูกงาก็ว่าช้างแหลมเฟี้ยว
เราจึงต้องฝึกการฟังอย่างลึกซึ้งและไม่ตัดสิน ใช้สติ ไม่ใช่อารมณ์
ฝึกฟังด้วยความรักและเมตตา
และเปิดประตูของหัวใจเราให้กว้างเอาไว้เสมอๆ
นี่แหละถึงจะเป็นวิถีของผู้ฝึกปฏิบัติอย่างแท้จริง


....คลิ๊กที่รูปเพื่ออ่านในภาพขยาย





6 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่านแล้วก็
อื่มมมมมม...

แล้วไงต่อ...

ดอมด๋อม

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เฮ้อ เซ็งรอบสอง

ning

Aor Sutthiprapha กล่าวว่า...

เกิดอะไรขึ้นหรือนี่....

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จักร

อ่านแล้วรู้สึกอึ้งมากๆ ถึงมากๆที่สุด
ผมคงไม่พูดว่าใครผิดใครถูกเพราะอาจจะเป็นแบบที่จักรเคยอธิบายให้ฟังมาก่อนแล้ว และผมเข้าใจจักรนะ

แต่ที่อึ้งและหนักใจ คือ อาจารย์สุลักษณ์ไม่ใช่ธรรมดาในสังคมไทย ลูกศิษญ์ลูกหาเยอะมากกว่าที่จักรจะคาดถึง

ส่วนใหญ่ในแวดวงวรรณกรรมและแวดวงงานเขียนด้านจิตวิญญาณ ด้านในละก้อ แทบทั้งสิ้นจะเป็นลูกศิษย์อาจารย์

ด้านนักคิดนักเขียน นักกิจกรรมทางสังคมชั้นหัวกะทิ ชั้นนำของประเทศแทบทั้งนั้นที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ แม้กระทั่งคุณภินันทน์ที่เราไปเยี่ยมก็ใช่

นี่ยังไม่รวมนักธุรกิจระดับก้าวหน้าอีกเยอะมากที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ และนักการเมืองอีกเพียบทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน

เหล่านี้จะออกมาปกป้องอาจารย์ทั้งสิ้น หากมีอะไรมากระทบถึง

พี่ใหญ่วิศิษฐ์ วังวิญญู กล่าวไม่ผิดในท่อนที่ว่า อาจารย์เป็นคนที่ส่งเสริมทั้งองค์ดาไล ลามะ และหลวงปู่ จำได้ว่าที่อารามขององค์ดาไล ลามาที่อินเดีย วัยที่เราเข้าพบท่าน องค์ดาไล ลามะ ออกมาต้อนรับด้วยตนเองกับอาจารย์สุลักษณ์ เป็นท่าทีที่ ๒ อาวุโสอ่อนน้อมต่อกันมาก จนหลายคนแปลกใจ และอาจารย์สุลักษณ์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการช่วยองค์ดาไล ลามะมาตลอดในเรื่องของการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งอิสรภาพ ในยุคแรกของหลวงปู่ก็ไม่ต่างกัน

ที่น่าเป็นห่วงคือ พี่ใหญ่ เค้าไม่เคยแสดงความแข็งกร้าวใส่ใครเช่นนี้มาก่อน เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้ว และเช่นกันในบรรดาคนรู้จักกับอาจารย์ทั้งหมดนั้น ทราบกันดีว่าพี่ใหญ่เป็นคนที่ไม่ควรจะตอแยด้วยมากที่สุด เพราะบทที่จะดุดันละก้อ ไม่มีใครในบรรดาลูกศิษย์จะต่อกรได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพี่เขาจะจำศีลมากกว่า

ที่เขียนเยียดยาวเนี่ย กั้นด้วยฝายหลายชั้นแล้วนะ กำลังคิดถึงในอนาคตว่า จะเป็นอย่างไร สำหรับหมู่บ้านพลัมในประเทศไทย หากความเข้าใจผิดเหล่านี้ได้รับรู้ถึงบรรดาลูกศิษย์ของอาจารย์ทั่วประเทศ โดยที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ควรจะเป็น ยิ่งประโยคที่ภิษุณีนิรามิสา ถูกถ่ายทอดออกมาเยี่ยงนี้ละก้อ เหอ...เหอ...หนักใจแทน

yogilek

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หนึ่งเรื่องถูกแปลได้หลายอย่าง
หนึ่งเรื่องเลยกลายหลายเรื่อง
พี่ว่าเราต้องรู้จักที่จะหยุดตีความ
และกลับมาอยู่กับชีวิตในแบบซื่อๆ
กับลมหายใจของเราแบบเงียบๆกันดีกว่า

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ความจริงก็คือความจริง

ผนวกเข้ากับที่เราๆ ท่านๆ มักได้ยินวลีที่่ว่า
แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน

...ก็เป็นเช่นนั้นเอง...

พี่แอ๋ว