วันพุธ, กุมภาพันธ์ 08, 2549

สาร จาก ส.ศิวรักษ์

อาจจะยาวมากแต่คุ้มค่าที่จะอ่าน
ส.ศ.ษ
พูดก่อนการอภิปรายโต๊ะกลมเรื่อง
อนาคตประชาธิปไตยไทย ในรัฐบาลธุรกิจการเมือง “จาก กตป. ถึง ปปง. ยุทธการยึดทรัพย์ประชาชนโดยอำนาจรัฐ”
วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๗

เอาทักษิณคืนไป – เอาประชาธิปไตยคืนมา

I

เราต้องไม่ลืมว่าเมื่อทักษิณ ชินวัตรเริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีเมฆหมอกปกคลุมตัวเขาในทางที่ไม่โปร่งใส โดยศาลรัฐธรรมนูญอาจลงโทษเขาให้ปลอดไปจากวิถีทางการเมืองได้ถึง ๕ ปี
พวกเราบางคนเห็นว่าควรให้โอกาสเขาบริหารราชการบ้านเมือง แม้ความมัวหมองดังกล่าวอาจเป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปราศจากเจตนาในการฉ้อฉลก็ได้ พวกเราในที่นี้รวมตัวข้าพเจ้าด้วย ซึ่งช่วยทำแทบทุกอย่างให้เขาเป็นที่ยอมรับของมหาชน แม้จนหาทางสนับสนุนเขาในหลายๆ ทางเอาเลยก็ว่าได้ เพราะ (๑) เราเอือมพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัยกันมาอย่างแทบทนไม่ได้เอาเลย (๒) เราเห็นว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยมีความแปลกใหม่หลายประการ อันควรสนับสนุนและจับตามอง โดยเฉพาะก็ในเรื่องคนยากคนจน (๓) เราเห็นว่ามีคนใหม่ๆ เข้าไปร่วมในพรรคนี้ โดยที่หลายคนในพวกนี้เคยอยู่ในขบวนการประชาชนมาก่อน แม้จนเคยต่อสู้กับเผด็จการมาในป่าก็มี ทั้งบางคนยังเคยมีหัวก้าวหน้าทางด้านความยุติธรรมในสังคมอีกด้วย นอกเหนือไปจาก (๔) แนวทางของที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจที่คิดจะแหวกแนวไปจากระบบโลกาภิวัตน์กระแสหลัก เช่น คิดรวมตัวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ถึงกับจะโยงใยไปยังประเทศยากจนด้วยกันในภูมิภาคอื่น เพื่อกำหนดนโยบายใหม่ๆ ให้ธนาคารโลกและกองทุนระหว่างประเทศ ฟังโลกที่สามมากขึ้น (๕) นอกไปจากนี้แล้ว นายกรัฐมนตรียังมีแก่ใจไปเยี่ยมคนจน ไปสนับสนุนขบวนการทางเลือกตามทางของธรรมิกสังคมนิยม อย่างพวกสันติอโศก และสมัชชาคนจน เป็นต้น
แม้พวกเราบางคนจะกริ่งเกรงใจว่าทักษิณ ชินวัตรร่ำรวยขึ้นมาอย่างนักฉวยโอกาส และการได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็เป็นไปในทางธนาธิปไตยยิ่งกว่าประชาธิปไตย เราอยากให้โอกาสเขา หวังว่าเขาคงรวยพอแล้ว แล้วคงหันมารับใช้ประเทศชาติและประชาชน แต่แรกเป็นไม้คด ในบั้นปลาย อาจเป็นไม้ตรงได้กระมัง อย่างน้อยพระองคุลีมาลย์ก็เป็นแบบอย่างที่ให้กำลังใจได้มิใช่น้อย
แต่แล้วทักษิณได้แสดงบทบาทในทางที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาชาติและราษฎรยิ่งๆ ขึ้นทุกที ถึงกับตระบัดสัตย์ และฉ้อฉลในแทบทุกกรณี เอาชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางความยิ่งใหญ่ของเขาและสมัครพรรคพวก เพิ่มเงินและอำนาจให้พวกตนจนขยายอิทธิพลไปในภูมิภาคนอกประเทศ แม้จนในนานาชาติ โดยใช้ภาษีอากรของราษฎรไปเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของบรรษัทของพวกตน
คนที่เดือดร้อนอย่างแสนสาหัสคือคนยากคนจน ซึ่งถูกเบียดเบียนบีฑาในทุกๆ ทาง แม้จนมีวิธีการยุแยกให้ขบวนการของประชาชนและคนในแวดวงขององค์กรภาคเอกชนแตกกัน ใช้เงินซื้อ ใช้อำนาจรุกราน ยังนโยบายการพัฒนาประเทศแบบโลกาภิวัตน์ที่ล้าสมัยไปไม่น้อยกว่า ๓๐ ปีนั้น ทำลายศักดิ์ศรีของประชาชนและสิทธิมนุษยชน และทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างแสนสาหัส ไม่ว่าจะท่อแก๊ซที่สงขลา เหมืองแร่โปตาสที่อุดร รวมถึงการอนุญาตให้ขุดบ่อแก๊ซขึ้นใหม่ในจังหวัดนั้น อย่างเช่นที่ภูฮ่อม อำเภอหนองแส รัฐบาลอนุญาตหรือยัง ไม่ปรากฏ แต่บริษัทผู้เป็นเจ้าการในด้านนี้ก็เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยที่พระเณรและราษฎรในละแวกนั้นเดือดร้อนไปตามๆ กัน แต่ทางราชการกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มิใยต้องเอ่ยถึงที่อื่นๆ ดังทางบ่อนอกที่ผู้นำชาวบ้านถูกสังหารไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้น ข้าพเจ้าจะไปปาฐกถาที่นั่นในวันที่ ๒ ตุลาคมนี้แล้ว ยังกรณีของปากมูลและเขื่อนต่างๆ ที่คาราคาซังมาแต่รัฐบาลก่อน รวมถึงขบวนการกรรมกรและชาวนา ตลอดจนผู้ลี้ภัยต่างๆ ล้วนได้รับทารุณกรรมอย่างปราศจากการใยดีจากรัฐบาลทั้งสิ้น หาไม่ก็ปล่อยให้ข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นปู้ยี้ปู้ยำไพร่บ้านพลเมืองถึงกับมีการขู่เข็น แม้จนสังหาร หาไม่ก็ถูกอุ้ม หรือหายนสังหาร หาไม่ก็ถูกอุ้ม หรือพ่ายนไปเฉยๆ
ไม่แต่คนยากคนจน หรือคนกลุ่มน้อยและผู้ลี้ภัยเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบอันเลวร้ายจากรัฐบาลนี้ หากการลิดรอนผลประโยชน์และการเอารัดเอาเปรียบแผ่ขยายไปยังชนชั้นกลาง และพ่อค้าม้าขายนายธนาคาร ที่อยู่นอกแวดวงของเครือบริษัทชินวัตรและบริษัทบริวารของเขา ซึ่งเข้าไปร่วมอยู่ในคณะรัฐมนตรี หาไม่ก็คุมกิจการต่างๆ ทางด้านธุรกิจการค้าร่วมกับเขา แม้จนรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ถูกแปรรูปไปเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของเขาและพวกเขากันแทบทั้งนั้น
ข้าพเจ้าจะไม่ขยายรายละเอียดเรื่องยุทธการยึดทรัพย์ประชาชนโดยอำนาจรัฐในที่นี้ เพราะจะมีผู้อื่นพูดได้ดีกว่า แต่นี่เป็นปัจจัยหลักประการหนึ่ง แห่งความเลวร้ายของรัฐบาลนี้ ที่ยิ่งใหญ่กว่ารัฐบาลก่อนๆ ซึ่งโกงกินกันมาแทบทั้งสิ้น หากเทียบกันแล้ว นั่นมันระดับจุลภาค หากนี่เป็นระดับมหัพภาค
ขบวนการโกงกินนี้ขยายไปจนถึงกับเอาเงินแผ่นดินไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพียงเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของบรรษัทตน โดยจะไม่ขอพูดถึงความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของรัฐมนตรีบางคน เช่น รัฐมนตรีต่างประเทศ หากจะขอเอ่ยถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง เพียง ๒-๓ กรณี
๑) การที่ใช้เงินไปอย่างมหาศาลในการจัดงาน APEC เพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐมาร่วมด้วยในกรุงเทพฯ นั้น ประเทศชาติไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ดังงาน APEC ก็เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปแล้ว ว่าเป็นงานคอกเทลปาร์ตี้ในระดับสากลเท่านั้นเอง แต่ไฉนรัฐบาลไทยจึงฉิบหายทรัพยากรไปอย่างเหลือเชื่อ แม้จนยอมส่งทหารไทยไปอิรัก ทั้งๆ ที่นี่เป็นรัฐประศาสโนบายอันเลวร้ายที่สุด ดังจะขอกล่าวต่อไป ผลที่ได้จากบุชและ APEC ก็เพียงเพื่อแสดงสถานะและฉวยโอกาสในทางนานาชาติของบรรษัทข้ามชาติอย่างชินวัตรและคณะเท่านนั้นเอง
๒) การติดต่ออย่างสยบยอมกับจีน ก็เพียงเพื่อค้าขายให้บรรษัทเขา ยิ่งกว่าเพื่อศักดิ์ศรีของสยามและความเป็นพุทธศาสนิกของราษฎรส่วนใหญ่ การไม่ให้ทะไลลามะเข้าประเทศนั้น ทักษิณและบริวารไม่รู้เลยหรือว่าเป็นการยอมทำตามจีนอย่างเชื่องๆ แม้จนจับคนสวีเดนที่ถือลัทธิฟูลองกอง ซึ่งเป็นการเอาใจรัฐบาลจีน ถึงขนาดขัดรัฐธรรมนูญไทย รัฐบาลจีนไม่เคยดูถูกรัฐบาลไทยเท่ารัฐบาลนี้ ดังรัฐบาลพม่าก็เช่นกัน
๓) กรณีของพม่านั้น ก็ดุจดังจีน รัฐบาลนี้ไม่มีจุดยืนในทางสิทธิมนุษยชนและในทางเสรีภาพของชนกลุ่มน้อยเอาเลย อย่างน้อยรัฐบาลก่อนยังกล้าให้ทะไลลามะเข้าเมืองไทย ทั้งยังใยดีกับอองซาน ซูจี และขบวนการประชาธิปไตยในพม่า โดยที่รัฐบาลนี้ร่วมมือกับรัฐบาลทหารพม่าอย่างสุดๆ ทั้งๆ ที่นั่นมันฆาตกร ซึ่งเลวร้ายยิ่งกว่า รสช. ซึ่งพวกเราขับไล่ไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งทักษิณยังเอาเงินแผ่นดินไปให้รัฐบาลเผด็จการทหารพม่ายืมอย่างมหาศาล นอกเหนือการเอางบประมาณแผ่นดินไปให้รัฐบาลทหารพม่าสร้างถนนอย่างสมัยใหม่ ซึ่งเท่ากับเป็นการให้เปล่า ทั้งนี้เพียงเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจการค้าของตน ดังมีบริษัทโทรศัพท์มือถือไทยที่ลูกชายเขาเป็นประธาน ร่วมมือกับบริษัทโทรศัพท์มือถือของพม่า ซึ่งลูกชายนายกรัฐมนตรีพม่าเป็นประธาน
ผลก็คือ ผู้มีอำนาจสูงสุดในพม่าปลดนายกรัฐมนตรีของเขาออกจากอำนาจแล้ว
แม้จะยังมีตำแหน่งในทางราชการอยู่ก็ตาม โดยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของพม่านั้น ถูกไล่ออกตรงๆ เอาเลย และประธานประเทศของพม่าพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่าเขาไม่ไว้ใจไทย รังเกียจความฉ้อฉลของรัฐบาลไทย แล้วทำไมเราไม่ปลดรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและนายกรัฐมนตรีของไทยบ้างเล่า
นายกรัฐมนตรีคนนี้ ที่อ้างว่ามีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลนั้น แท้ที่จริง เขาเดินตามก้นระบบเศรษฐกิจและการเมืองกระแสหลักของสหรัฐ ซึ่งมียอช บุช เป็นแม่แบบ และเขาเองก็ต้องการเอาอย่างหลี กวน ยู ที่สิงคโปร์ และมหาธีร โมหมัด แห่งมาเลเซีย โดยเขาแลไม่เห็นเลยว่าสองประเทศเพื่อนบ้านนี้ ราษฎรหมดศักดิ์ศรีในทางความเป็นคน ปราศจากสิทธิมนุษยชนหรือเสรีภาพทางสื่อสารมวลชนด้วยประการทั้งปวง คนสิงคโปร์เป็นเพียงสัตว์เศรษฐกิจ ที่รวยได้ก็เพราะเป็นประเทศเล็ก และสามารถในการเอาเปรียบประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างชาญฉลาด ในขณะที่มาเลเซียนั้น มีคนยากไร้มากกว่าไทยเสียอีก แม้ดูทีท่าว่าจะดีกว่าไทยในทางเศรษฐกิจอย่างฉาบฉวยก็ตามที
นโยบายตามก้นสหรัฐ ที่ใช้วิธีแก้ปัญหาต่างๆ โดยใช้เงินและอำนาจนั้นเป็นอันตรายยิ่งโดยจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้ก่อการร้ายก็จะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ โดยที่ในสหรัฐเองประชาชนชาวเมืองและองค์การเอกชน รวมทั้งหน่วยงานทางศาสนาต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านยิ่งๆ ขึ้นทุกที แม้สื่อกระแสหลักจะไม่รายงานข่าวที่ว่านี้ก็ตามที ดังที่ทักษิณก็เอาอย่างสหรัฐ มาคุมสื่อสารมวลชนในเมืองไทยอย่างได้ผลในระยะสั้นมิใช่น้อย คือใช้เงินซื้อ และใช้อำนาจขู่ คล้ายๆสหรัฐนั้นแล
ขอย้ำว่านโยบายดังกล่าว ปราศจากความชอบธรรม ปราศจากศีลธรรม และไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนทางศาสนาและวัฒนธรรมของคนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนาและวัฒนธรรม ย่อมเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง ดังการแก้ไขปัญหาทางปัตตานีที่ใช้เงินซื้อ และใช้กำลังอาวุธนั้น จะเลวร้ายไปเรื่อยๆ เมื่อไรรัฐบาลและข้าราชการ ตลอดจนคนในกระแสหลัก ยอมรับความเลวร้ายของเรา การกดขี่ข่มเหงชาวบ้านมลายูที่เป็นมุสลิมที่แล้วๆมา ทั้งที่ปัตตานี สงขลา และจังหวัดอื่นๆ แล้วยอมขออภัยเขา ยอมเปลี่ยนนโยบายกระแสหลัก โดยให้เกียรติและศักดิ์ศรีแก่ผู้คนในท้องถิ่นที่ต่างศาสนาและวัฒนธรรมกับเรา รวมถึงความเป็นตัวเองของเขา นั่นแลจึงจะแก้ปัญหาได้
ความข้อนี้อาจารย์ปรีดี พนมยงค์เคยทำมาแล้วอย่างได้ผล กล่าวคือไม่แต่ชื่อของท่านรัฐบุรุษอาวุโสผู้นี้เท่านั้นที่สำคัญ นโยบายและคุณธรรมทางการเมืองของท่านก็สำคัญ อันควรนำเอากลับมาใช้ให้สมสมัย ซึ่งหมายถึงการเคารพบุคคลต่างๆ อย่างจุฬาราชมนตรีแช่ม พรหม ยงและหะยี สุหลง อับดุลกาเดร์ วีรบุรุษแห่งสี่จังหวัดภาคใต้ด้วย โดยต้องกล้าละทิ้งวีรบุรุษปลอมอย่างสฤษดิ์ ธนรัชต์ และอนุสาวรีย์ของมันที่กลางจังหวัดขอนแก่นอีกด้วย โดยเอารูปสมเด็จพระมหาอาสภมหาเถระขึ้นติดตั้งไว้แทน โดยที่ท่านผู้นี้ถูกมันจับสึกและขังคุกไว้ถึง ๕ ปี ในขณะที่ท่านเป็นอธิบดีสงฆ์ของวัดที่ใหญ่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่สุดด้วยเช่นกัน ท่านผู้นี้มีชาตกาลในจังหวัดขอนแก่น และเป็นวีรบุรุษแห่งภาคอีสาน เช่นเดียวกับนายเตียง สิริขัณฑ์ และอดีตรัฐมนตรีสี่คนของภาคนั้น ที่ถูกสังหารไปก่อนหน้า ส. ธนรัชต์ หากโดยเผ่า ศรียานนท์ ซึ่งก็มีอนุสาวรีย์อยู่ที่หน้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ชรอย พ.ต.ท. ทักษิณจะถูกสะกดโดยแบบอย่างทางอธรรมจากฆาตกรเผ่า ศรียานนท์ มาแต่สมัยเป็นตำรวจมาแล้วก็ได้
ที่กล่าวมาแล้วว่านโยบายของทักษิณ ชินวัตรผิด ใช่ไม่ว่าพรรคไทยรักไทยผิด เพราะพรรคนี้ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง หากสมาชิกพรรครวมถึงรัฐมนตรีต่างๆเป็นเพียงข้าทาสหรือบริวารของทักษิณและพจมาน ชินวัตร ซึ่งชี้ชะตากรรมของพรรคและของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจการค้า ซึ่งมีอำนาจเหนือการเมือง เขาทำทุกอย่างเพื่อลิดรอนวัฒนธรรมพื้นบ้าน แม้จนการเกษตรซึ่งเป็นหัวใจของเรา เขาก็อุดหนุน GMO หรือการใช้ของเทียม ของปลอม เพื่อประโยชน์ของบริษัทพวกเขา เช่นเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีลูกเขยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อยู่ภายใต้ทักษิณ ที่สุดจนเรื่องไข้หวัดนกที่เบียดเบียนไก่แล้วขยายไปถึงคน เราก็ต้องไม่ลืมว่าบรรษัทเจริญโภคภัณฑ์คุมธุรกิจการด้านนี้อย่างผิดมนุษยธรรมและสัตวธรรมมานานเท่าไรแล้ว จะให้ทักษิณไปอุดหนุนชาวบ้านที่เลี้ยงไก่บ้านเป็นไปได้หรือ เวลาทักษิณกินไก่ แม้จะอย่างหลอกๆ ทำไมจึงไปกินที่ KFC ซึ่งทางสหรัฐห้ามใช้คำว่า Kentucky Fried Chicken อีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะนั่นมันไก่ผีดิบ
การเบียดเบียนบีฑาราษฎรและองค์กรพัฒนาเอกชนนั้นไม่มีการยั้งมือ ใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ย่อมถูกหัวหน้ารัฐบาลตอบโต้ด้วยถ้อยคำอันรุนแรง ทั้งยังตามอาฆาตมาดร้ายด้วย แม้จนคนอย่างนายแพทย์ประเวศ วะสี และนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รวมถึงนายจำลอง ศรีเมืองก็โดนกลั่นแกล้ง มิใยต้องเอ่ยถึงนายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิต นี่ไม่ใช่เรื่องล้างแค้นของนายปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์เท่านั้น หากนายทักษิณมีกึ๋นพอ ย่อมห้ามทัพไว้ได้ ดังที่ห้ามทัพนายเนวิน ชิดชอบในเร็วๆนี้
คณะหรือบริวารของเขายังรังแกและลดทอนอำนาจของข้าราชการประจำในทุกกระทรวงทบวงกรม ดังกระทรวงการต่างประเทศนั้น ต่อไปจะมีแต่กระเทยกับขันทีที่เป็นใหญ่ ยังกระทรวงอื่นๆ ก็จะมีแต่มิจฉาชีพและคนที่ปราศจากกึ๋นหรือกระดูกสันหลังเท่านั้น ที่จะไต่เต้าไปเอาดีได้ในทางราชการ พวกข้าราชการ CEO ที่ว่านั้นคือลูกสมุนของเขาแทบทิ้งสิ้น
นี่ไม่ใช่แต่เผด็จการรัฐสภาซึ่งรวมถึงวุฒิสภาด้วย หากเผด็จการทางด้านบริหารอีกด้วยโดยก้าวก่ายไปในระบบราชการ รวมถึงก้าวก่ายไปยังสื่อสารมวลชนกระแสหลักเกือบทั้งหมด
นอกจากซื้อและข่มขู่แล้ว สื่อกระแสหลักก็อุดหนุนแต่การพนันขันต่อ Talk Show และละครน้ำเน่าต่างๆ ซึ่งประเทืองกิน กาม เกียรติและอุดหนุนความรุนแรงและความขี้ฉ้อตอแหลอย่างแยบยลต่างๆ ทั้งนี้รวมถึงสิ่งซึ่งรวมเรียกว่าEntertainment Complex อีกด้วย ความข้อหลังนี้ข้าพเจ้าพูดไว้แล้วในเรื่อง ผลกระทบนโยบายศูนย์บันเทิงครบวงจรของรัฐบาลทักษิณต่อการพัฒนาแก้ไขปัญหาความยากจน : จากมุมมองทางจริยธรรม มีตีพิมพ์อยู่ในเสขิยธรรมมาแล้ว ทั้งนี้โดยไม่ขอเอ่ยถึงหวยบนดินซึ่งมีความถ่อยรวมอยู่ด้วยมากน้อยกว่าห้วยใต้ดินเพียงไร

II

พวกเราในขบวนการพัฒนาของฝ่ายเอกชนได้ร่วมมือกันแทบทุกระดับ และแทบทั้งราชอาณาจักร จนผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาได้ในปี ๒๕๔๐ ซึ่งถือได้ว่าดีมาก อย่าง เป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก และมีการคานอำนาจรัฐอย่างน่าสังเกต ไม่ว่าจะวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและผู้ตรวจการรัฐสภา ยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารที่มีมาก่อนรัฐธรรมนูญอีกด้วย
แล้วเหตุไฉนองคาพยพเหล่านี้จึงมักไม่ทำงาน ผู้ตรวจการรัฐสภาควรมีสถานะไม่แพ้เปาบุ้นจิ้น แต่ก็กลายเป็นสกากะเบือไป ยังศาลรัฐธรรมนูญก็มีสมาชิกที่เป็นเบื้อหรือเป็นมารรวมอยู่ด้วยไม่น้อย ดังกรณีที่ข้าพเจ้าขอให้ศาลนี้มีวินิจฉัยว่ากฎหมาย ปตท. ที่ใช้จับข้าพเจ้า ผู้เข้าไปขวางท่อแก๊ซไทย – พม่า ที่เมืองกาญจน์ว่าเป็นโมฆะนั้น พยานปากเอกของข้าพเจ้าคือนายคนิต ณ นคร รองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ อดีตอัยการสูงสุดและหมอกฏหมายจากเยอรมัน ซึ่งให้ถ้อยคำอย่างมีน้ำหนักมาก หากศาลไม่เอ่ยถึงเลย แล้วลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า กฏหมายดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยไม่ให้เหตุผลใดๆ ยังคำตัดสินก็มั่วซั่วเลวร้าย ดังกรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ศาลรัฐธรรมนูญก็ลงมติถอดทอนได้ง่ายๆ อย่างปราศจากมโนธรรมสำนึกเอาเลย
ส่วนคณะกรรมการที่ควรกล้าเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของทางราชการนั้น ตั้งแต่รัฐบาลชวน หลีกภัยถีบนายสุรสีห์ โกศลนาวินออกไปแล้ว สำนักนายกรัฐมนตรีก็ใช้สำนักงานดังกล่าวเพื่อปิดข้อมูลข่าวสารอันเลวร้ายต่างๆ ของทางราชการแทบทั้งนั้น ที่ว่ารัฐบาลรู้อะไรประชาชาต้องรู้เช่นกัน ก็เลยเป็นวลีที่หลอกลวงประชาชน ดังที่ทักษิณทำเช่นนี้อยู่ทุกวันเสาร์นั้นแล
ทักษิณรู้ดีว่า เขาใช้เงินกับอำนาจซื้อหรือทำให้คนในสถาบันนั้น ดูสยบยอมกับเขาได้ เขาเข้าไปก้าวก่ายแม้จนวุฒิสภา นับว่านี้เป็นอันตรายยิ่งนัก
ที่ร้ายยิ่งกว่านี้ ก็ตรงที่รัฐบาลนี้หนุนอย่างลับๆ กับพวกธรรมกายซึ่งเป็นสัทธรรมปฏิรูปที่เลวร้ายสุด ดังภรรยาเลขาธิการพรรคไทยรักไทยทำบุญไปกับธรรมกายนี้ไม่รู้ว่ากี่ล้านต่อกี่ล้าน นี่เป็นเพียงตัวเลขที่เปิดเผย และที่ไม่เปิดเผยเล่า รัฐบาลนี้ไม่สนใจใยดีกับพระดีที่ปฏิบัติธรรม หากอุดหนุนอรหันต์ปลอม ให้ออกมาโจมตีมหาเถรสมาคม พร้อมๆ กับการเชียร์รัฐบาลอย่างหน้าด้านๆ ใครอยากทราบความข้อนี้ ขอให้อ่าน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้ คือฉบับวันที่ ๒๔ สิงหาคม - ๓ กันยายน ๒๕๔๗
ทั้งๆ ที่ทักษิณออกมาปรามพระไม่ให้เทศน์ทางการเมือง ถ้าพระองค์ใดเทศน์เตือนสติรัฐบาล ให้ห่างจากอบายมุข ให้ห่างจากมุสาวาท ให้ห่างจากผรุสวาท ให้ห่างจากความรุนแรง หากให้ใช้สติวิจารณญาณ รัฐบาลตอบโต้และรังควาน พระที่ชักชวนให้คนส่งไปรษณียบัตรเป็นแสนๆ ฉบับ สนับสนุนรัฐบาลและเทศน์ ๑๓ ข้อ ‘อุ้ม’ รัฐบาล ถือว่านั่นไม่ใช่การเมือง เคยพิจารณากันบ้างไหมว่านี่มันอรหันต์ปลอมหรือไม่ ถ้าหลวงตาบัว แห่งอุดรธานีอุ้มทักษิณได้ หลวงตาปั่นแห่งนนทบุรีก็อุ้มชวน หลีกภัยได้ ใช่ไหม
การที่ทักษิณปู้ยี้ปู้ยำพระพุทธศาสนา รวมถึงศาสนาอิสลามนั้น ยังไม่เลวร้ายเท่ากรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยที่พระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระราชประสงค์ไว้ชัดเจนในเรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพียง หากทักษิณเน้นในเรื่องเศรษฐกิจแบบเกินตัว แบบฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย แบบโลกาภิวัตน์ และใช่แต่เท่านั้น ตั้งแต่มีรัฐบาลมา พระราชาไม่เคยตรัสตรงๆ กับประชาชนเลยว่ารัฐบาลโกงกินประชาชนถึงขนาดรัฐบาลนี้ ดังนายสุเมธ ตันติเวชกุล ผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ออกมาแสดงทัศนะอย่างชัดเจนถึงความทุจริตของรัฐบาลนี้ และนี่เป็นเพียงผิวๆ เพราะรัฐบาลนี้โกงกินยิ่งกว่าที่นายสุเมธพูดอีกเป็นไหนๆ ดังคนอื่นๆ คงจะบรรยายต่อไปถึงยุทธการยึดทรัพย์ประชาชนโดยอำนาจรัฐ
ก็ระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ต้องฟังองค์พระประมุข ซึ่งทรงมีสิทธิในการเตือนรัฐบาล ในการห้ามปรามรัฐบาล และในการสนับสนุนรัฐบาล นี่เขาไม่เคยฟัง หรือแสร้งทำทีท่าว่าฟัง แต่ไม่ทำตาม แม้จนการเสนอร่างพระราชบัญญัติขึ้นไปให้ทรงลงพระปรมาภิไธย แล้วถูกตีกลับลงมานั้น ถ้าเป็นรัฐบาลที่ประกอบไปด้วยจรรยาบรรณ ย่อมลาออกไปแล้ว หากนี่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โทษกันไปโทษกันมา
ที่ร้ายยิ่งกว่านี้ก็ตรงที่การไม่สำรวมวาจา ที่แสดงออกมาเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เช่นว่า ถ้ารัชกาลที่ ๙ ไม่โปรด รัชกาลที่ ๑๐ ก็โปรด นี่ไม่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดอกหรือ แต่ไม่มีสื่อมวลชนรายงานความข้อนี้ออกมาให้ปรากฎ แต่อย่าลืมนะว่าหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง
สำหรับข้าพเจ้าเองนั้น ไม่เห็นทางอื่นอีกแล้ว นอกเสียจากว่าต้องช่วยกันทุ่มทักษิณลงจากอำนาจให้ได้ เมื่อจำลอง ศรีเมืองเป็นขวัญใจของประชาชนนั้น พรรคพลังธรรมก็ขึ้นเร็ว จนมีมารมาอยู่ด้วยมาก รวมทั้งคนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตรด้วย และแล้วพรรคนั้นก็ปลาสนาการไปเร็ว พรรคไทยรักไทยก็เช่นกัน แม้พรรคนี้จะมีเงินและอำนาจอันฉ้อฉลมาก แต่ก็หาพ้นความเป็นอนิจจังของสังคมไปได้ไม่
แล้วเราจะร่วมกันเอาทักษิณออกจากอำนาจได้อย่างไร ในเมื่อเขาใช้โครงสร้างทางกลไกแห่งรัฐ โดยมีธนาธิปไตยเป็นหลัก เราก็ต้องต่อสู้กับเขาด้วยกลไกทางสังคม ซึ่งมีธรรมาธิปไตยเป็นหลัก เขาใช้ความเท็จ เราใช้ความจริง เขาใช้ความรุนแรง เราใช้สันติวิธี เขาคุมสื่อกระแสหลัก เราใช้สื่อทางเลือก อย่างที่วุฒิสมาชิกจอน อึ๊งภากรณ์ เริ่มมิตรไทยขึ้นแล้วทางอินเตอร์เน็ต โดยเราต้องไม่ลืมว่าสมัยรัฐบาลหอยของธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่รัฐบาลไทยเป็นจอมเผด็จการอย่างสุดๆ นั้น เราก็มีมิตรไทย เป็นนิตยสารที่เน้นไปทางสัจจะและเสรีประชาธิปไตย ตีพิมพ์ที่ในกรุงลอนดอน แล้วไม่นานรัฐบาลหอยก็หลุดลอยจากระดองไป
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็เป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก หากโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งราชภัฏต่างๆ ทางภาคอีสานจะรวมตัวกันปลุกระดมครูอาจารย์ให้เห็นคุณค่าของสัจจะและประชาธิปไตย ด้วยการต่อต้านทักษิณกันไปทุกสถาบันการศึกษา และขยายจากโรงเรียนและวิทยาลัยออกไปยังประชาคม และขยายไปยังภาคอื่นๆนี้แลคือการนำเอาธรรมะและสัจจะกลับมา
สมชาย หอมละออ ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนกับนานาชาติ น่าจะขยายเครือข่ายออกไปในทางสันติประชาธรรม อย่างเป็นรูปธรรม อย่าลืมว่าสมัยนี้เครือข่ายขององค์กรเอกชนในระดับนานาชาตินั้นสำคัญยิ่งนัก
รัฐบาลนี้ยังหลงอยู่กับปัญหานานาชาติที่เป็นของปลอม และมองเห็นของปลอมว่าเป็นของจริง แม้คนอย่างรัฐมนตรีต่างประเทศในเวลานี้ คือคนที่เลวสุดสำหรับกระทรวงนั้น จำเดิมแต่เกิดกระทรวงต่างประเทศมา เขายังนึกว่าจะมีโอกาสเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้
พระและโต๊ะครู ที่ถูกรัฐบาลนี้เอาเปรียบมา น่าจะหาทางรวมตัวกันหรือแยกกันสวดมนต์ภาวนา ไล่จัญไร ไล่อัปปรีย์ และปลุกมโนธรรมสำนึกของศาสนิกให้อยู่ในทางธรรม ต่อต้านอธรรม โดยเฉพาะพระที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนจนนั้นต้องหันเข้าหากำพืดเดิม เลิกดัดจริตดีดดิ้นด้วยการเอาอย่างระบบศักดินาธนาธิปไตย
บำรุง คะโยธาและคณะ ต้องหาทางรวมสมัชชาคนจนให้ได้ อย่าให้รัฐบาลใช้เงินมาซื้อพวกเรา ต้องเข้าใจว่าเขาใช้วิธี Divide and Rule หากเราต้องรวมพลังกันที่รากหญ้าให้ได้ โดยมีวิถีชีวิตแบบไทย หากโยงใยไปยังกรรมกรและชาวนาในระดับสากล นี่จะเป็นพลังที่สำคัญยิ่ง
รสนา โตสิตกระกูลและคณะ ต้องไม่แต่ต่อต้านคอร์รัปชั่นที่มีการโกงกินกันเท่านั้น หากต้องรวมกันต่อต้านความฉ้อฉลในทุกๆ ทางอย่างเป็นรูปธรรม หากรวมกันทำในระดับต่างๆ อย่างได้ผล พลังสตรีนี้จะเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญนัก
พิภพ ธงไชยและพลพรรค ก็อย่ามัวไปคิดตั้งพรรคการเมืองทางเลือก หากควรหาทางโยงใยนักธุรกิจให้มาเข้าใจปัญหาของประชาธิปไตย ผนวกกับพลังประชาชน แล้วร่วมกันโค่นล้มทักษิณ ชินวัตรอย่างฉับไว
ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ ก็ควรที่ต้องรวมกำลังคนที่จงรักภักดีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด อย่าให้รัฐบาลอุบาทว์ลดทอนพระบรมเดชานุภาพลงไปในทุกๆทาง ทั้งนี้หมายความว่าขบวนการทางเศรษฐกิจที่อยู่ใต้ฉายาของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ต้องแลเห็นให้ชัดถึงบริษัทคู่แข่งในทางอธรรมอย่างพวกชินวัตร โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ต้องยืนหยัดอยู่ข้างไพร่บ้านพลเมือง ไม่ไล่ที่ราษฎรดังกับหมูหมากาไก่ ในนามของการพัฒนา เพื่อให้ผลประโยชน์แต่กับพ่อค้าหรือนักธุรกิจที่ร่ำรวยเท่านั้น นี้แลจะรวมน้ำใจของราษฏรไทยในทุกระดับ ให้จงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างแท้จริง เพื่อผนึกกำลังกันเอาชนะมาร คือหัวหน้ารัฐบาลปัจจุบัน
ถ้าทำตามข้อเสนอดังที่ว่านี้ และทำได้ยิ่งไปกว่านี้ จักสำเร็จแน่ๆ แต่ต้องทำให้เป็นรูปธรรม นี้แลที่จะสกัดทักษิณ ชินวัตรกับพวกเปรตและอสุรกายที่รอบตัวเขาไว้ได้ ไม่ให้ได้ดำรงคงอำนาจไว้ ในการยึดทรัพย์ประชาชนไปโดยอำนาจรัฐ แล้วเอาไปเข้ากระเป๋าพวกเขา
เราเคยไล่ถนอม – ประภาส – ณรงค์มาแล้ว แม้พวกของมันจะหวนกลับมากัดเราอย่างเจ็บแสบในอีกสามปีให้หลัง และเราก็เคยไล่สุจินดา คราประยูรมาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เอง โดยไม่ต้องเอ่ยถึงการไล่เปรม ติณสูลานนท์ก่อนหน้านั้น แล้วทำไมเราจะไล่ทักษิณ ชินวัตรไม่ได้ ถ้าเรามีจิตใจที่มุ่งมั่น โดยรวมพลังกันอย่างสันติ และอย่างแยบคาย ถ้าเรามีความเห็นแก่ตัวน้อยลงไปเพียงไร ไม่หวังความยิ่งใหญ่ให้เราและพวกของเรา หากรับใช้มหาชน (ไม่ใช่พรรคนั้นนะ) และความถูกต้องดีงาม เราย่อมเข้าถึงสันติประชาธรรมได้โดยแท้

ไม่มีความคิดเห็น: