วันจันทร์, มีนาคม 30, 2552

ดีหรือยัง

ying : พูดว่า:
พี่วิชัยอ่ะ ที่ดูแลพวกเราบอกว่า มีเพื่อนมาถามเค้า ถามจริงๆเหอะ อ.ธีรยุทธดีจริงหรือป่าว
jakpanee พูดว่า:
แล้วเค้าว่าไง
ying : พูดว่า:
พี่วิชัยเลยบอกไปว่า
ying : พูดว่า:
เค้าดีกว่าแกก็แล้วกัน
ying : พูดว่า:
ฮ่าๆๆ
jakpanee พูดว่า:
ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
jakpanee พูดว่า:
ชอบๆ
jakpanee พูดว่า:
พี่คนนี้ฮาดี
ying : พูดว่า:
บอกว่าชีวิตนี้เค้าทำประโยชน์มาเยอะ
ying : พูดว่า:
คุ้มค่าแล้วที่เกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ying : พูดว่า:
ทำได้อย่างเค้าหรือป่าว
jakpanee พูดว่า:
จริงของแก เป็นบทสอนใจว่า เรื่องคนอื่นจะดีไม่ดีไม่ต้องสนหรอก ตัวเองหล่ะดีหรือยัง
ying : พูดว่า:
อื่ออ

.

ฉันเป็นโคอยู่ในคอก
บางครั้งฉันฝันถึงโลกข้างนอก
ที่ไม่เคยเห็น เป็นได้เพียงจินตนาการ
ร้ายหรือดีไม่อาจหยั่งรู้
เช่นนี้เอง วัวในคอกจึงเลือกอยู่ในคอก
ที่คอกมีอาหาร ที่คอกแลดูปลอดภัย
โคขุนกินหญ้า
รอเวลา
ให้ใครมาแล่เถือเนื้อเอาไปกิน

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 26, 2552

ผืนดินนี้ ของใคร?

วันนี้เป็นวันที่3 แล้วตั้งแต่มาถึงเชียงราย เราก็ยังไม่หยุดหย่อนการตระเวรขับรถขึ้นเขาลงดอยไปเรื่อยๆ.....
ก่อนหน้านี้เราก็เคยได้ดูข่าวเกี่ยวกับไฟป่า มลพิษที่เกิดจากไฟป่า ในพื้นที่ภาคเหนือของไทย รวมถึงฝั่งพม่าและลาวอยู่ตลอด แต่3วันที่อยู่ที่นี่ได้เห็นกันจะจะกับตา หากมองจากยอดเขา หลายทิศทางจะเห็นมีควันไฟขึ้นมา ยังมีอีกหลายจุดที่ไหม้กันจะๆเห็นเป็นเปลวไฟริมทางถนนลาดยางกินพื้นที่เป็นไร่ ส่งไอร้อนขึ้นมาถึงคนที่อยู่บนทางสัญจร

เชียงรายวันนี้ฟ้าปิด อาจเพราะเมฆ แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะควัน เชียงรายวันนี้มองไปไม่เห็นเทือกเขานางนอน ขึ้นดอยสูงมองลงมาก็ไม่เห็นทะเลสาบเชียงแสน

มาเชียงรายบ่อยมากๆทั้งด้วยเรื่องเที่ยวและเรื่องงาน แต่คราวนี้แปลกกว่าทุกที คือ มาดูที่ดิน... ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความคิดจะสะสมสมบัติพัสถาน เพชรนิลจินดา ที่ดิน ทอง น้ำมัน (คงเพราะไม่มีตังค์ด้วยละมั้ง) แต่สาเหตุที่มาดูที่คราวนี้ก็เพราะว่า เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว มีพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นคนเชียงราย เปรยๆว่ามีที่ดินแปลงนึงบนเขา สวย สงบ และราคาไม่แพง ตอนนั้นในใจมีความคิดอยากจะปลูกต้นไม้ปลูกป่า อยากอพยพจากเมืองกรุงมาอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่มีตังค์หรอก เลยไปยุให้แม่มาดูที่ดินผืนนี้ โดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักยุแล้วก็ลืมเลย จากวันนั้นผ่านไปหนึ่ง มารู้อีกทีแม่ซื้อที่บริเวณนั้นมาสามสี่แปลง รวมกันเป็นพื้นที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว แม่พูดว่า "ไหนมาบอกให้ซื้อที่ แล้วก็ไม่เห็นไปสนใจเลย จะทำอะไรก็ไปทำสิ"

...วันนี้พื้นที่ดินที่ได้ไปเหยียบ ที่ดินที่แม่ซื้อมา เพิ่งจะถูกคนเลี้ยงวัวเผาเพื่อให้หญ้าขึ้นมาสำหรับเป็นอาหารวัวไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไฟไหม้กินบริเวณเป็นไร่ๆ ดีที่รถดับเพลิงมาทันการณ์ ไม่ไหม้ไปถึงบ้านคนบนเขานั้น

คิดๆไปแล้วไฟไหม้ป่านี่มันอยู่ใกล้ตัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ เท่าที่เห็นกับตาตัวเอง ภูเขาของเชียงรายทุกวันนี้ 90% เป็นเขาหัวโล้นหรือไม่ก็ป่าเสื่อมโทรม อีก 10% เป็นไร่ นา สวน ปลูก ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปาล์ม หรือไม่ก็ยาง สัก ทั้งหมดก็เพื่อผลทางเศรษฐกิจเท่านั้น ป่าไม้หมดไปแล้วเป็นความจริงที่น่ากลัวแต่หลายคนก็ยังไม่รู้ิสึกอยู่ดี

ตอนแรกที่เห็นว่าที่ดินของแม่ถูกไฟไหม้ และก็แทบไม่มีต้นไม้อยู่ ก็รู้สึกเสียดาย แต่ตอนนี้มาคิดอีกที ก็ดีเหมือนกันจะได้ปลูกต้นไม้ไง ปลูกให้เป็นป่า สวน ไร่ นา ในแบบที่คนอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างไม่เบียดเบียนจนเกินไป ไม่แน่ว่าวันนึงข้างหน้าที่นี่อาจจะเป็นบ้านใหม่ของเรา ของนก ของสัตว์ต่างๆก็ได้ พื้นดิน ภูเขา มองไปสุดลูกหูลูกตาแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะเอาแรงเงินแรงกายจากไหนมาทำเหมือนกัน ต้องค่อยๆคิดกันไป

เมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา ได้ดูรายงานข่าวเรื่องการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่สุราษ โดยผู้มีอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่นจ้างคนต่างด้าวเข้าไปตัดไม้ ออกไปขาย และทำให้เป็นป่าเสื่อมโทรมจากนั้นก็ใช้อำนาจในทางที่ผิดออกกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทั้งๆที่เป็นพื้นที่อุทยาน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ถูกลอบฆ่าไปแล้ว 2 คน

ปัญหาป่าไม้มีรอบด้าน ทั้งจากผู้คนที่เห็นแก่เงินเงินเงิน ทั้งๆที่มีจนล้นก็ยังไม่พอใจ หรือจากผู้คนที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง เผาป่าเพื่อทำมาหากิน รวมถึงคนที่นิ่งเฉยดูดายเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกะตู ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม แต่พวกเราทั้งหมดก็กำลังทำลายป่า ทำลายตัวเองกันอยู่

...เขียนมาได้ถึงตรงนี้ เสียงซ่าๆจากฝนที่เทลงมาก็ดังขึ้น (ช่วงนี้กรมอุตุเค้าแม่นแฮะ)ไอเย็นจากฝนเข้ามาทักทาย เหมือนจะบอกว่า ป่าไม้ ภูเขา ยังมีหวังอยู่บ้าง ฝนตกดีอย่างนี้ พรุ่งนี้ฟ้าคงใส ไฟป่าคงดับลงได้ชั่วคราว ฝนบอกให้รู้ว่า เราไม่เคยยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ โฉนดที่ดินไม่ใช้สิ่งที่บอกความเป็นเจ้าของป่านี้ ดินนี้ ภูเขานี้ ....ไม่ใช่และไม่มีวันใช่

วันอาทิตย์, มีนาคม 22, 2552

นางเอ๊กนางเอก

Poppy-โนดะ เมงุมิ-Miranda July-you Know who

บ่อยครั้งที่เพื่อนฝูงมักมาทักว่า เฮ้ย แกเหมือนนางเอกในหนังเรื่องนี้เรื่องนั้นเลยหว่ะ
แหมพูดมาเท่านี้รู้สึกฟังดูดีไงไม่รู้ เหมือนนางเอก ฮ่าๆ
พอเริ่มมากเข้าก็เริ่มคิดสงสัยว่า เอ๊ะหรือเราเป็นคนบุคลิกโหลๆเลยโดนหาว่าเหมือนคนโน้นคนนี้เยอะไปหมด แล้วแต่ละคำกล่าวอ้าง มองผ่านๆจะพบว่ามีแต่ผู้หญิงเพี๊ยนทั้งนั้นเลยนี่หว่า ว่าแล้วก็ต้องลองเอาเหล่านางเอกทั้งหลายที่ได้รับยกย่องให้เป็นมาดูซะหน่อย อยากรู้ว่าพวกเธอมีอะไรที่คล้ายคลึงกันมากน้อยแค่ไหน และคล้ายคลึงกับตัวเราจริงอย่างว่าหรือไม่
อืมมมม เริ่มไม่ถูกแฮะ ...
Poppy จาก Happy go Lucky หญิงสาววัยสามสิบที่อารมณ์ดีและมองโลกในแง่ที่สวยงามแต่ไม่ใช่บ้องแบ๊ว เป็นคนที่มีบุคคลิกภาพโดดเด่นแตกต่างเป็นอย่างมาก บางคนอาจจะมองว่าเธอเพี๊ยนๆก็ไม่แปลก คิดถึงตรงนี้แล้วยังรู้สึกว่าเราก็ไม่ได้เหมือนขนาดนั้นซะหน่อย แต่ถือว่าเป็นคำชมนะ ถ้าหากว่าเหมือนจริง
คนต่อมา Nodame หญิงสาวสุดพิเศษอีกคนหนึ่ง เป็นตัวของตัวเองสุดๆ แต่ไม่เคยรู้ตัวเอาซะเลย นอกจากมีพรสวรรค์และความมุ่งมั่นแล้ว ยังเป็นคนสับสนแต่ก็ร่าเริงสุดๆ แต่ที่เค้าว่าเหมือนก็คงไม่พ้นเรื่อง ความซกมก ห้องรก ไม่สระผมอะไรทำนองนี้
จะยังไงก็ตามเธอเป็นคนดัง ดังมากทีเดียว ดังนั้นถ้าหากโดนหาว่าเหมือนโนดาเมะ ก็ถือเป็นคำชมอีกคำโตๆแล้วกันเนอะ
คนสุดท้าย Miranda July สาวติสต์แตกสุดขั้ว แต่ก็เป็นผู้หญิ๊ง ผู้หญิง เป็นคนมีอะไรอัดอยู่ในหัวเยอะจนต้องปล่อยมันออกมาให้ได้เห็นกันเสมอๆ และเธอเป็นคนจริงจัง จริงใจนะเราว่า สรุปแล้วเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆไปอีกแบบหนึ่ง ถ้าถูกหาว่าเหมือนเธอคนนี้ก็ต้องถือเป็นคำชมอีกอยู่ดี
สรุปแล้วก็หาข้อสรุปไม่ได้ว่าสามคนนี้และตัวเรา...เค้าเหมือนกันยังไง แต่ที่แน่ๆสามคนนี้เป็นผู้หญิงที่เป็นตัวเองอย่างได้ใจจริงๆ คงเป็นสิ่งนี้แหละมั้งที่พวกเค้าเป็นเหมือนๆกัน....ก็เค้าเป็นนางเอกนี่นะ ฮิ

.

หนึ่ง คนกวนๆ
สอง คนห้วนๆ
เป็นเรื่องง่ายๆถ้า พูดว่า มันไม่ได้หมายความว่้าเค้าเป็นคนไม่ดีหรือไม่น่าคบหา
แต่เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยเวลาเจอจริงๆ ถ้าไม่มีสติพอ เราก็จะเผลอมีความคิด re-act ทันที

ในทางกลับกัน
หนึ่ง คนพูดดี
สอง คนพูดหวาน
ไม่ได้แปลว่า เค้าเป็นคนดีเสมอไป

จำเอาไว้นะ จปณ.

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 19, 2552

My first Chiropractic curing




เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อวันเสาร์ที่แล้วนี้เอง จู่ๆก็รู้สึกปวดหลังมากผิดปกติ ซึ่งเป็นช่วงกระดูกสันหลังที่บั้นเอว จนในที่สุดเมื่อวานนี้ก็ได้ตัดสินใจไปพบหมอดอน ซึ่งเป็นหมอกระดูกที่รักษาด้วยวิธีChiropractic ตอนรอก็รู้สึกตื่นเต้นบวกนอยๆนิดหน่อย เพราะเคยเห็นฉากในหนังที่หมอจับคนไข้บิดตัวอย่างเร็วจนเสียงกระดูกลั่นดังๆ

ก่อนเข้าไป พยาบาลใ้ห้นั่งดู วีดีโอความรู้เกี่ยวกับศาสตร์การรักษาแบบแผนนี้ หลักใหญ๋ใจความคือการอธิบายว่า เส้นประสาทการคุมอวัยวะทุกส่วนของเรานั้นมาจากกระดูกสั้นหลัง และสั่งการโดยสมอง ถ้าหากว่าเรามีกระดูกสันหลังที่ ผิดที่ผิดทาง ก็จะทำให้ระบบทั้งหมดรวน การจัดกระดูกก็คือการฟื้นฟูให้กระดูกกลับมาปรกติ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง

เอาละว่ะ คงไม่เป็นอะไรมาก
หายใจเข้าลึกๆออกยาวๆ.....

คุณหมอ : ซาหวัดดีขรับ (หมอเป็นฝรั่ง)
อาการเป็นยังไรบางขรับ
เรา: ก็ปวดหลังค่ะ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว
คุณหมอ: แล้วนอกจากนั้นหล่ะ มีอะไรอีกบ้าง เคยประสบอุบัติเหตุมั้ย เคยผ่าตัดมั้ย
เรา: ก็มีปัญหาปวดหัวเข่าค่ะ เป็นมาไม่ถึงปี แล้วก็อืมม เคยตกจากโต๊ะ แล้วก็ตกจาก inline skate แต่ว่าก็นานมากๆแล้วค่ะ เป็นสิบปีแล้ว

จากนั้นหมอก็ขอดูหลัง เสร็จแล้วก็ให้นอนหงาย แล้วให้ยกเท้าสองข้างขึ้นแตะมือหมอที่วางลอยอยู่กลางอากาศ แล้วให้ยกสลับกันทีละข้าง "โอเคยกได้ไม่ปวดแสดงว่าไม่น่าจะมีปัญหากับหมอนรองกระดูกสันหลังนะขรับ" จากนั้นก็ให้นอนคว่ำบนเตียง หมอสั่งให้พยาบาลใช้เครื่องอะไรซักอย่าง ทำการบรรเทาอาการเฉพาะหน้าก่อน ให้กล้ามเนื้อดีขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือน acupuncture แบบจีน ผ่านไปสิบนาทีเกือบจะหลับไป

หมอก็เข้ามาดูที่ปลายขาแล้วก็บอกว่า "ขาสองข้างยาวไม่เท่ากัน ขาซ้ายยาวกว่าขาขวาประมาณ 2 ซม. เคยสังเกตบ้างมั้ย"
"......."
คุณหมอ : เคยเป็นโปลิโอหรือเปล่าขรับ หรือว่าเคยขาหัก กระดูกหักบ้างมั้ย
เรา: ไม่ค่ะ
คุณหมอ : อย่างนั้นแปลว่าเป็นการขาเท่ากันแบบปลอม คือเกิดจา่กกระดูกเชิงกรานเปิดออกไม่เท่ากัน(อะไรประมาณนี้เท่าที่คิดว่าแปลถูกนะ)
คุณหมอ : แล้วทำไมคุณถึงใช้ภาษาอังกฤษได้ดีละขรับ เรียนที่united state เหรอขรับ นอนตะแคงด้วยขรับ 1 2 3 แล้วหมอก็บิดจับเราบิดตัวอย่างแรง กร๊อกกกกกกกกกกก ดีขรับดี
เรา:..... !!!!!!!
คุณหมอ : เรียนหรือทำงานอยู่ขรับ หันอีกข้างขรับ กร๊อกกกกกกกก บิดทีที่2
เรา : ทำงานค่ะ !!! อ๊ากกกกกก
คุณหมอ : ทำอะไรขรับ กร๊อก บิดทีที่3
เรา : ...ทำงานออกแบบค่ะ
คุณหมอ : ออกแบบอะไรขรับ กร๊อกกกกกกกบิดทีที่ 4
เรา : เอ่อ เครื่องเขียน ของขวัญอะไรประมาณนี้ค่ะ
คุณหมอ : เหรอขรับ กร๊อกกกกกกก คราวนี้หักคอไปซ้าย แล้วหักไปขวาอีกที
เรา : จ๊ากกกกก เริ่มอยากหัวเราะเหมือนบ๊อบบี้ ใน happy go lucky แล้วววว
คุณหมอ : ทีนี้นอนคว่ำนะขรับ แล้วก็เอาฝ่ามือเท่าใบพายอัดหลัง อีกสองสามที เหมือนหนังจีนหรือเปล่า่ว่ะเนี่ย
คุณหมอ : โอเคขรับ ลองลุกขึ้นยืน เป็นยังไงบ้างขรับ เจ็บไหมขรับ
ผมต้องการให้คุณมารักษาสัปดาห์ละครั้ง แล้วเราจะดูอาการต่อจากนี้อีกทีนะขรับ บางทีถ้าขาคุณเท่ากันแล้ว เข่้าคุณอาจจะดีขึ้นเองก็ได้
.....
ตอนออกมาก็เหวอๆ งงๆอยู่ สรุปแล้วหมอหลอกชวนคุยไปมาเพื่อไม่ให้ตกใจเวลา่โดนหักตัวนี่เอง

ที่น่าแปลกคือ พอกลับมาแล้วอาการปวดหลังก่อนไปหาหมอหายเกือบจะเป็นปลิดทิ้ง แต่อาการยอกและแปล๊บๆไปตามกระดูกที่หมอหักมาเยือนแทน --'

วันอังคาร, มีนาคม 17, 2552

บทเพลงของเจ้านกกระจอก


หากใครเคยอิ่มกับการดูผลงานที่สร้างชื่อของ Majid Majidi มาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Children of heaven หรือ The color of paradise คิดว่าคงจะไม่ผิดหวังกับ The song of sparrows อย่างแน่นอน สำหรับเราแล้ว Majid Majidi ถือเป็นคนทำหนังขั้นเทพ
ในThe song of sparrows เค้าใช้ท่วงทำนองการเล่าเรื่องในแบบที่ไม่แตกต่างจาก Children of heaven มากนัก มาจิดมักนำเอาเรื่องของคนสามัญ คนชนชั้นล่างในสังคมมาบอกเล่า บนพื้นผิวบอกเล่าความทุกข์ยากลำบากของการดำรงชีวิตของคนจน บ้างเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่ในอีกมิติเค้านำเสนอความสวยงามของชีวิตอย่างที่มันเป็นอยู่อย่างไม่ทำให้เรารู้สึกว่ามันถูกแต่งแต้มขึ้น ซึ่งมิติหลังนี้มักเด่นและฉายแสงกว่ามิติของความทุกข์ยาก จนหนังของเค้าแทบไม่เคยเป็นหนังเศร้าสะเทือนใจ แต่กลายเป็นหนังที่เติมเต็มและให้กำลังใจผู้คน
สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนความเชื่อที่มักออกมาในหนังของมาจิดคือ ความแปรเปลี่ยนของชีวิต ไม่ว่าเรื่องที่เราเจอมันจะดีเพียงไหน ในอีกอึดใจถัดมาเราอาจถูกผลักลงมาจากที่สูงนั้น เจ็บสะบักสะบอม หรือบางครั้งที่เราเจอความซวยเข้าให้ ความซวยนั้นที่สุดมันก็จะนำพาเราไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง อีกสถานการณ์หนึ่ง ได้เห็นอีกด้านหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกใหม่กับชีวิตเสมอๆ
Children of heaven เราได้เห็นหัวใจที่ใสสะอาดของเด็กน้อยยากจน เด็กน้อยจากสวรรค์ไม่เป็นคำพูดที่เกินไปเลยจริงๆ
The song of sparrows เราได้เห็นหัวใจของปุถุชน ผู้มีึความอ่อนโยน รักครอบครัว ใจดี เอื้อเฟื้อ ซื่อตรง ในขณะเดียวกับก็มีด้านของความเห็นแก่ตัว คิดคด ยึดมั่นถือมั่น อ่อนแอ แล้วก็ได้เห็นหัวใจที่ซื่อแต่แกร่งเกินเด็ก
สรุปแล้วเชียร์ขาดใจให้ไปดูครับ ตอนนี้เข้าที่ House rca เท่านั้น ไปดูด่วนๆนะเพื่อนๆ

วันอังคาร, มีนาคม 10, 2552

ปลดปล่อย "ทิเบต" 50 ปีแห่งการถูกจองจำ

วันนี้ไปฟังเสวนาเนื่องในโอกาสที่ธิเบตถูกจีนยึดครองมาครบ 50ปีแล้ว
ไม่สามารถเขียนเล่าเรื่องราวอะไรได้ เพราะปมปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นซับซ้อนและมีหลากหลายมิติ
แต่ก็มีประเด็นหนึ่งที่ รู้สึกติดใจทำให้ต้องกลับมาทบทวน
คือประเด็นที่ว่า ทำไมคนไทยจึงมักจะเิพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์ เช่นสถานการณ์ของศาสนาพุทธในพม่า การรุกรานธิเบตของจีน เป็นต้น
สังเกตดูได้จากกลุ่มคนที่มาร่วมงานเสวนาก็เป็นกลุ่มคนเล็กๆจำกัดวงแคบๆ มีแต่เด็กแนว พี่แนว ลุงแนว
ลองคิดๆดู ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคนไทยเราโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบคิดมาก คิดลึก คิดจริงจัง ไม่ชอบความซีเรียส ชอบอะไรชิลล์ๆไปวันๆมากกว่า ก็ถามเพื่อนว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นเช่นนั้น เพื่อนให้ความเห็นว่า น่าจะมีพื้นฐานมาจากเรื่องการศึกษา การสอน ไม่ได้ปลูกฝังให้เราชอบคิด
ส่วนหนึ่งที่เราเห็นได้น้อยในสังคมไทยคือ"การออกมาแสดงจุดยืนของตัวเองเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนใช่ญาติใช่คนร่วมชาติ" คนไทยเราเห็นแก่ตัว...จริงหรือ
อีกส่วนหนึ่งคือ ข่าวสารที่มาถึงเราก็มีผลอย่างยิ่ง การนำเสนอข่าวสารความเป็นไปของโลกที่ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ และเป็นเชิงลึกนั้นหาได้น้อยแทบจะไม่มีให้เห็นให้อ่านกัน แต่มันก็เป็นสิ่งที่สะท้อนกันกลับไปกลับมาไม่ใช่หรือ คนเสนอข่าวก็ทำข่าวที่ผู้บริโภคอยากอ่าน ข่าวฆ่ากันตาย ข่าวดารา

สุดท้ายแล้วลำพังแค่ตัวเรา ความรู้งูๆปลาๆกะลาครอบอยู่อย่างนี้ ไม่มีปัญญาตอบคำถามเหล่านี้ของตัวเองได้ คงได้แต่กลับมาเริ่มที่ตัวเราเองก่อน หยุดมองแต่ตัวเองซักครู่ แล้วมองดูรอบๆตัวให้มากกว่านี้ ความละเลยของเราจะได้น้อยลงอีกหน่อย แล้วเริ่มมองคนอื่น มองสังคม มองโลก มองความเป็นจริง

.

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้มีอาการเหมือนคนกลวงๆ
นิยามให้เพื่อนฟังว่า "ไม่มีทุกข์ให้ภาวนา" หรืออาจจะประมาณว่า "มีแต่ตัวเอง"
มันบอกไม่ถูกว่า "แกอยากจะทุกข์...เหรอว่ะ?" ก็ไม่น่าจะใช่นะ
แต่มองย้อนไปเมื่อเวลาที่เราทุกข์ แล้วเราได้กระเสือกกระสนเอาตัวรอด
มันเหมือนจะคิดอะไรได้เยอะ...อย่างไม่น่าเชื่อ

จะว่าความจืดชืดของชีวิตตอนนี้มันก็ทุกข์ไปอีกแบบ ทุกข์กับความกลวงในช่องท้อง
แต่ว่าอะไรๆก็ไม่แน่เสมอไป
เพื่อนเล่าว่า อยู่ๆก็ได้รู้ว่าพี่ที่รู้จักคนหนึ่งเป็นมะเร็งอยู่ได้อีกไม่นาน ทั้งๆที่เพิ่งรู้ตัว และเพิ่งมีอายุยี่สิบกว่าๆ
ความทุกข์อาจจะมาเยือนแบบกระทันหันเมื่อไหร่ก็ได้ เราจึงต้องเตรียมใจให้พร้อมเสมอๆ

วันนี้ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีความทุกข์ของตัวเองให้ภาวนา ก็ภาวนาเพื่อผู้ที่ทุกข์สาหัสกว่าเราซึ่งมีมากมายก่ายกองก็ได้ เพื่อที่ว่าหากวันพรุ่งนี้ต้องตายจะได้ไม่เสียดายการมีชีวิตอยู่

วันจันทร์, มีนาคม 09, 2552

หลวงพี่ฟับที

ปลงผม
(ใครคิดเหมือนเราบ้างว่า ได้เห็นรูปนี้ปุ๊ป เห็นหน้าตาท่าทางของหลวงพี่นิตอนปลงผมพี่พีท คิดถึงหลวงพี่นิและความตั้งใจจริงในทุกๆงานที่ทำของท่านจริงๆ) ต่อไปก็กอดพี่พีทไม่ได้แล้วสิ
no coming no going, พี่พีทก็ยังอยู่ตรงนี้




ธรรมสวัสดีพี่น้องทางธรรมที่รักทุกท่านคะ

วันนี้ วันที่ ๘ มีนาคม พวกเราสังฆะที่หมู่บ้านพลัมมีความสุขมากคะที่ได้เข้าร่วมพิธีบวชที่วัดบน หมู่บ้านพลัม วันนี้พี่พีทได้เกิดใหม่แล้วและมีชื่อใหม่ว่า Pháp Thi (ฟับที) หลวงปู่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า True Dharma Offering เกิดอยู่ในครอบครัว Golden Lotus Family (แต่ละกลุ่มที่หลวงปู่บวชให้ท่านจะตั้งชื่อกลุ่มให้คะ) บวชพร้อมกันทั้งสิ้น ๔๖ รูป ที่ฝรั่งเศส ๑๐ รูป ที่เมืองเว้ เวียดนาม ๓๖ รูป (ที่เวียดนามเป็นการบวชออนไลน์คะ)
ส่งรูปที่หลวงพี่ถ่ายมาให้ดูเล่นๆก่อนนะคะ ช่วงทำพิธีนั่งอยู่ด้านหลังจึงได้รูปด้านหลัง เดี่ยวอาทิตย์หน้าได้รูปที่หลวงพี่ช่างภาพถ่าย จะส่งไปให้ดูอีกนะคะ

ด้วยลมหายใจและรอยยิ้มแห่งความสุข
หลวงพี่นิรามิสา
ปล.ตอนแรกเราจะเอาไปโพสต์ใน สังฆะใจอ่ะ แต่ว่าจำพาสเวิรดไม่ได้ทำไงดี

วันอาทิตย์, มีนาคม 08, 2552

My first published poem.

In the early sunlight kiss,
Red roses,
Green leaves,
And blue sea
Vivid
in the name of white.

In the midday canvas of the seashore,
Sand,
Clouds,
And gulls
Painted
in the name of white.

In the late night shadow,
The moon,
The stars,
And the Milky Way
embrace the darkness,
in the name of white.

In the before time realm of the mind,
Purity,
Peace,
And bliss
Glow
in the name of white.

วันเสาร์, มีนาคม 07, 2552

What are you looking for?

Love?

Understanding?

Repect?

Trust?

Path?

Chance?

Strength?

Hope?

Forgiveness?

Freedom?

Happiness?

Peace?

Truth?

Whatever it is.

Look inside yourself.

...I'm telling myself over and over again.

วันพุธ, มีนาคม 04, 2552

ถึงความกลัว ผู้เป็นเพื่อนตายของฉัน

เวลานี้ ฉันกำลังติดกับ
ติดกับความดี
ติดกับความสุข
ติดกับความถูก
ติดกับความเหมาะสม
ติดกับความเชื่อ
ติดกับกระแส
ติดกับ ไม่ขยับเขยื้อน

ปล. คิดถึงเธอทุกวัน

วันจันทร์, มีนาคม 02, 2552

.

To loosen a knot, we need no force but understanding.

วันอาทิตย์, มีนาคม 01, 2552

.

Dried leaf was ripped from a limb of a jasmine tree.
While she was falling down to the ground, a gossamer has got her from dropping.

She cleaves to it,
spining there in the air, round and round, back and forth.

She utter with a sigh...
"No one can hold the death my dear gossamer"