วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 20, 2548

น้ำส้ม

ห้าโมงเย็น ของอีกวันอันน่าเบื่อ
"สิบบาทครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
เดินออกมาจากน้ำส้มรถเข็นเจ้าประจำตรงหน้าที่ทำงาน ในใจแอบไม่ค่อยเห็นด้วยที่สองผัวเมียที่ขายน้ำส้มมักกั้นคอกด้วยท่อพีวีซีให้ลูกเล็กๆเล่นอยู่ตรงนั้นบนฟุตบาท เรื่องสกปรกคงไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างว่าไม่ใช่เรื่องอะไรของเราซักหน่อย เอาเรื่องตัวเองให้รอดซะก่อนเหอะ
กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน จริงๆก็ไม่ได้หิวน้ำเท่าไหร่ ก็แค่อยากอู้ ก็มันคิดอะไรไม่ออกเลยนี่ กระดาษหมดไปปึกใหญ่ แต่กลับไม่มีอันไหนมีเค้าว่าจะใช้ได้
จะได้เวลาเลิกงานแล้ว
วันนี้ก็คงเหมือนทุกวัน งานก็ยังใช้ไม่ได้อีก สะสมความเครียดสม่ำเสมอยิ่งกว่าสะสมตังค์ซะอีก
ทั้งที่ใครๆคิดว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ได้ทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้
แต่เต็มไปด้วยความเครียดและกำลังใจที่ถดถอย ความสุข? เป็นคำที่ห่างไกลมาก
ความคิดสับสนวกวนพอๆกับทางออกจากที่ทำงาน
ฝนตกหนักมาหลายวันทำให้น้ำท่วมได้เร็วทันใจ
มองไปแล้วก็น่าสงสารผู้คนในแหล่งชุมชนที่อยู่กันแบบที่เรียกได้ว่าเป็นแค่เพิงมากกว่าเป็นบ้าน
เพราะน้ำทั้งท่วมทั้งรั่วขนาดนี้
นั่นมันสามพ่อแม่ลูกร้านน้ำส้มนี่นา เค้าอยู่กันตรงนี้นี่เอง
คิดแล้วสงสาร คงจะต้องทุกข์ร้อนกันไม่น้อยเลย

ห้าโมงเย็น ของวันที่ถัดจากวันที่น่าเบื่อแต่น่าเบื่อพอๆกัน
"สิบบาทครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
ใบหน้าของคนขายยังยิ้มเหมือนเดิม และยิ้มกว้างขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเค้าหันหน้าไปมองตามเสียงหัวเราะของลูกชายตัวเล็ก
เดินออกมาจากน้ำส้มรถเข็นเจ้าประจำตรงหน้าที่ทำงาน ในใจแอบคิดว่า
โธ่เอ้ย ความสุขมันไม่ได้หายากเลยนี่หว่า
กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ก็เช่นเคยยังคิดอะไรไม่ออกเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะของแถมจากร้านน้ำสัม รอยดินสอบนกระดาษออกจะดูมีความมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
วันนี้ก็ฝนตกเหมือนเดิม
แต่ไม่เหมือนทุกวันหรอกน่ะ
เลิกงานแล้ว หิวข้าว กลับบ้านดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: