วันศุกร์, มีนาคม 17, 2549

หยดน้ำ

ขณะที่กำลังนั่งกินบะหมี่ปูในตรอกแถวสำเพ็ง
เด็กหญิงมอมแมมคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับตะกร้า
ที่เต็มไปด้วยลูกอมและกระดาษชำระซองมาถึงก็พูดห้วนๆว่า
"เอาลูกอมมั้ย"
สังเกตว่าสาวน้อยมอมแมมผมสั้นและดำขำคนนี้ไม่แม้แต่สบตากับคู่สนทนา
อาจจะเป็นโรคกลัวคน หรือได้รับความบอบช้ำทางจิตใจจากผู้ใหญ่อย่างเราๆมาก็ได้
ซื้อโอเล่มาหนึ่งห่อราคาห้าบาท ก็ไม่ถึงขูดรีดเท่าแถวสยามสแควร์
เด็กหญิงได้ตังค์แล้วก็มองหาลูกค้ารายต่อไปไม่สนใจเราอีก
ก้าวไปได้สองก้าว เธอก็หันกลับมา นับเงินในมือไปพลาง
เราถามว่า "เงินไม่ครบเหรอค่ะ"
เด็กน้อยส่ายหน้าไม่พูดไม่จา แต่วางเงินคืนเราบนโต๊ะหนึ่งบาท
เรารู้สึกดีมากๆ ยิ้มให้แบบเก้อๆเพราะเธอไม่มองเลย
บอกขอบคุณเธอ
...แล้วเธอก็ไป

"พระพุทธศาสนาสอนเราว่า อย่าหมิ่นในสิ่งที่เป็นกุศลธรรม
คือสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะดูเหมือนน้อยนิดก็อย่าดูแคลน
อย่างเช่นน้ำที่หยดลงไปทีละหยดๆ ถ้าเราลองเอาถังมาวางตั้งไว้
สักวันสองวันน้ำจะเต็มถังได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นความดี
แม้เพียงเล็กน้อยเราก็ต้องรีบทำ ขณะเดียวกัน อกุศลธรรมแม้เพียงน้อยนิดก็อย่าประมาท
เหมือนกับเปลวไฟเล็กๆ ที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้ใหญ่โตได้
หรือความขัดแย้งในสังคมที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แบบโจรกระจอก
มันก็อาจจะทำให้เกิดการลุกลามได้ถ้าไม่รีบแก้ไข
เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาจึงสอนไม่ให้คนประมาท อะไรที่เป็นความชั่วต้องรีบกำจัด
อย่าให้มันลุกลาม อะไรที่เป็นความดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรีบทำ
อย่างน้อยที่สุดเราก็เชื่อว่า ถ้าเราทำอย่างเต็มที่แล้วไม่สำเร็จ มันก็เพราะเหตุปัจจัยยังไม่พร้อม
ฉะนั้นก็ต้องทำต่อไปอย่าท้อถอย อย่างที่ภาษิตจีนเขาบอกว่า
“ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า”
แต่ถึงแม้เส้นทางแห่งความสำเร็จจะมีเหตุปัจจัยมากมายที่เราควบคุมไม่ได้
เราก็ต้องไม่ลืมว่าตัวเราเองก็เป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ถ้าเราทำให้เต็มที่
เราก็อาจเป็นเหตุปัจจัยที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญ
เมื่อเราทำเต็มที่แล้ว เราก็ยังตอบตัวเองได้ว่าเราทำเต็มที่แล้ว
ทำดีที่สุดแล้ว พอใจแล้ว ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะแพ้หรือชนะ"
รสนา โตสิตระกูล

1 ความคิดเห็น:

Aor Sutthiprapha กล่าวว่า...

เราเคยเจอเด็กคนนี้เหมือนกัน แต่น่าเสียดาย เราไม่ได้ซื้อลูกอมของเค้า เพราะท่าทางของเค้า เราเลยด่วนตัดสินเค้าอย่างไม่ควร