วันเสาร์, ธันวาคม 22, 2550

got a postcard

The traveler sees what he sees.
The tourist sees what he has come to see.
From Traveler move Postcard
ขอบคุณพี่โก๋พี่แน๊ตและพี่เต็ง

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 20, 2550

.


ฝนซา

เลิกรา

เริ่มใหม่

สรวลเส

หลงลืม

อ่อนล้า

เวิ้งว้าง

เปราะบาง

โปร่งแสง

ทวนน้ำ

พลุ่งพล่าน

สิ้นแรง

โหยหา

แค่ความ

ธรรมดา

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 06, 2550

Massive change

อืม....มันมีอะไรไม่เข้าท่าหว่ะ
เป็นความคิดแรกที่แว้บเข้ามาในหัวตอนค่ำวันนึงที่กลับมาถึงบ้านแล้วเปิดประตูห้องนอนตัวเองออก
ซ้าย...ตู้ที่เต็มไปด้วยกระดาษอะไรแปะเต็มไปหมด
ขวา... เตียงและด้านข้างที่มีกองหนังสือเป็นกองๆๆๆ เรียงๆๆๆ รกๆๆๆ
หน้า.... โต๊ะทำงาน ชั้นวางของ ลังอุปกรณ์ จักรเย็บผ้าไฟฟ้าและโบราณ
หลัง... ชั้นหนังสือ เต็ม ล้น รก ไม่เป็นหมวด
กลาง.... ของจุกจิกกองตามพื้น
เห็นแล้วเครียด ฮ่าๆ
คงได้เวลาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ย้ายเตียง ย้ายโต๊ะ โละของที่ควรจะเลิกยึดติดได้แล้วออกไปจากห้อง เพราะมันจับฝุ่นเหลือทน
แบบ งาน เกรดดีเกรดห่วย ที่เคยภูมิใจและเก็บไว้ด้วยความเสียดายหยาดเหงือ และการอดหลับอดนอนทำ...เก็บไว้ทำไม ทิ้งไปเหอะ
ตุ๊กตารับปริญญา ที่คนให้มันคงลืมไปแล้วหล่ะว่าให้มา...ยังใหม่อยู่ เอาไปบริจาคแล้วกัน
เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยเคยใส่ คนโน้นนี้ซื้อมาให้ หรือมาจากไหนก็ไม่รู้...จัดการซะ
และอื่นๆอีกมากมาย
นั่งรื้อ ของบางอยากเจอแล้วงง คือจำไม่ได้แล้วว่ามีมันอยู่
การ์ดบางใบที่คนเขียนมาถึง พออ่านแล้วเหมือนเพิ่งเคยอ่านครั้งแรก
ตกใจเจอโน๊ตที่เคยเขียนให้เพื่อนแต่ไม่ถึงมือเจ้าตัว อ่านแล้วอาย มันเห็นตอนนี้คงขำ แล้วสำลักความซึ้งกันตายเลยก็มี
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอาของออกไปได้ประมาณเจ็ดลังใหญ่ๆ แล้วห้องก็ดูไม่ค่อยจะรกน้อยลงเท่าที่ควร
แต่ว่าตอนนี้ห้องก็สวยงามเรียบร้อย โล่งทั้งห้อง โล่งทั้งใจ กับการละทิ้งของหลายๆอย่างไปได้ซักที
จนกว่าจะรกใหม่แล้วทนไม่ได้อีกที เฮ้อ

วันศุกร์, พฤศจิกายน 30, 2550

.

I say I love you.... I love you not?

I say I hate you... I hate you not?

I say nothing... Isn't there anything?

When I say to you... Do I fool myself?

Words made you drift...

Words made me drunk...

Words Words Words ...

rough

loud

...deceptive

Chooo!

Quote of everyday

I came to your shore as a stranger,
I lived in your house as a guest,
I leave your door as a friend, my earth.
Again My Teacher... Rabindranath Tagore

วันพุธ, พฤศจิกายน 21, 2550

โรงเรียนของหนู

มันอยู่ในรองเท้า
มันอยู่ใต้หมอน
มันยังอยู่แม้เวลานอน
มันอยู่ในขี้ยางลบ
มันอยู่ในโต๊ะและเก้าอี้
มันอยู่ในผงธุลี
มันอยู่ในควันรถ
มันอยู่ในความเมื่อย
มันอยู่ในความงง
แม่ๆ ดูสิ มันอยู่จริงๆ
แล้วแม่จะให้หนูไปหาเอาจากที่ไหนอีก

วันจันทร์, พฤศจิกายน 19, 2550

.

ในที่สุดก็มาถึงสุรินทร์ได้ซักที ก้าวแรกลงจากรถไฟสัมผัสได้เลยว่า คึกคักกว่าปรกติจริงๆ แน่นอนว่าเป็นเพราะงานช้าง มีทั้งฝรั่ง เอเชียมากันตรึม ออกจากสถานี สิ่งแรกที่พบ ก็ไม่ต้องเดาเลย ก็ช้างไง ช้างมากันเต็ม เฮ้อ...คิดถึงตอนเด็กๆจังได้ขี่ช้างไปรอบๆเมือง สิ่งถัดมาที่พบ ก็ไม่ต้องเดาเลย ก็จะอะไร...ขี้ช้างสิครับพี่ เต็มถนน ต้องเดินหลบให้แม่นน่ะ เพราะมันใหญ่กว่าขี้หมาซัก10เท่าได้มั้ง ปุ๋ยชั้นดีทีเดียว มันสะอาดและไม่เหมือนขี้หมาน่ะ และสิ่งที่คนอาจจะไม่เชื่อถ้าไม่เคยได้ดมกลิ่นขี้ช้าง คือ ขี้ช้างเป็น อึที่หอมที่สุดในโลก ถึงจะไม่เคยดมทั้งหมดแต่เราก็ค่อนข้างมั่นใจมากๆเลย กลิ่นหอมหญ้า ฟางและ ดิน ปนๆกันในอึช้าง มันทำให้เราจินตาการไปได้ถึงสภาพชีวิตของช้าง ป่าของช้าง ทุ่งของช้าง ลำธารของช้าง อิสระของช้าง อยากให้ช้างที่เดินอยู่ถนนที่กทม.ได้กลับบ้าน กลับป่า เราทำยังไงกันดีครับเพื่อนๆ เราทำอะไรได้บ้าง (อันนี้คิดจริงจังน่ะ) มาคิดโปรเจกก์กันเถอะ

วันอังคาร, พฤศจิกายน 06, 2550

ลมฝนใจ

I listen to the song of the wind it has no name.
I listen to the song of the wind it has no words.
I listen to the song of the wind and I can see.
The wind is free.
The wind is free.

: a basket of plums

กลอนติดเกาะ

There is only cloud in the sky
Even the sun is too lazy to shine
I take a walk with a little butterfly
But then she has changed her mind
Leave me for jasmine wine
It's okay I really don't mind
Just go on with this simple rhyme
Cause (I pretend) I have plenty of time
Fuzzy wind and Crazy wave has its own charm
In the ocean realm,
Things can never be calm
We are all dancing....time after time

วันอาทิตย์, ตุลาคม 28, 2550

ด้วยลมหายใจแห่งสติ x 3

"Difficulties are not optional,
but suffering is optional."

Brother Phap Hai

จากโปสการ์ดของพี่แนท รีทรีทคราวนี้เค้าเทศน์อะไรกันบ้างข่อยบ่ฮู้เลย เพราะว่าเป็นเด็กโข่งพี่เลี้ยงเด็กเล็กอยู่ตลอดงานภาวนา ดีใจจังที่พี่แนตอุตส่าห์แบ่งปันคำสอนมาให้ทางโปสการ์ด ขอบคุณค่า

นพลักษณ์

ไปนพลักษณ์กะชาวจิตอาสามา แต่ว่าอยู่ได้ไม่ครบสามวันเลย เสียดายจังเพราะอาหารที่สวนแสงอรุณ อร่อยโคตรๆๆๆ แต่แค่วันเดียวก็ไม่ต้องเดาแล้วว่าตัวเองลักษณ์อะไร ฮ่าๆ รู้แล้วเอาไปทำอะไรหนอ ยิ่งไปนั่งคิดว่าคนนั้นลักษณ์นั้นนี้ แล้วเค้าต้องคิดงั้นงี้แน่เลย ก็อย่างที่หญิงว่า ใช้ผิดๆอาจกลายเป็น wrong perceptionไปได้ เอาเป็นว่าแค่รู้ว่าคนเรามันต่างคนต่างที่มา ต่างวิธีคิดและรู้สึก เปิดใจกว้างๆไว้เท่านี้ดีกว่าน่ะ

วันศุกร์, ตุลาคม 26, 2550

.

Be like a flower, blooming without thinking.

วันอังคาร, ตุลาคม 16, 2550

.

ได้รับโปสการ์ดใหม่ๆจากใจเพื่อนมากมาย แทบจะทุกอาทิตย์ ยิ่งได้มายิ่งละอายใจที่ตัวเองดองบล็อคซะงั้นไม่ยอมแบ่งเวลาแสกนโปสการ์ดของเพือ่นๆขึ้นเว็บ thepostcardmaniac ตอนนี้ก็สมควรแก่เวลา อีกซักวันสองวันครับ สัญญ๊า สัญญา

ปล. เซอร์ไพร์สที่ได้โปสการ์ดรูปยอดชายนายเดวิดตรงจาก firenze จากคุณชู๊ท ไปทำอะไรอ่ะแก อิจฉา ขอให้เที่ยวให้หนุกน่ะ ขอบใจมากที่ส่งโปสการ์ดมาให้ และยังประทับใจกับโปสการ์ดของคุณจุฑามาศ เพื่อนผู้ซึ่งไม่รู้จักกันแต่เผอิญผ่านมาเจอ เห็นว่าสะสมโปสการ์ดเลยส่งมาให้ซะงั้น ซาบซึ้งใจมากค่า

วันเสาร์, ตุลาคม 13, 2550

.

A drop of tear squeezes a heart.

For I hurt your bleed.

For you feel my fear.

A stranger becomes a lover.

วันพุธ, ตุลาคม 03, 2550

Through your sadness...therefore I pray

not yours
not mine
nothing

no you
no me
no one


nothing is needed even freedom since it's never been binded

วันอังคาร, ตุลาคม 02, 2550

มาร่วมใจกัน "Car Free Days" เถอะครับ


"Every one of us can do something to protect and care for our planet. We have to live in such a way that a future will be possible for our children and our grandchildren and our own life has to be our message."


Thich Nhat Hanh
sign up for carfreedays
@

วันพฤหัสบดี, กันยายน 27, 2550

Dear friends. let's join the mindfulness activities.

6 - 23 ตุลาคม 2550
กิจกรรมภาวนาตามแนวทางหมู่บ้านพลัมประจำปี 2550 จัดโดย กลุ่มสังฆะแห่งสติกรุงเทพ และ เชียงใหม่ร่วมจัดโดย เลมอนฟาร์ม

ขอเชิญสัมผัสกับประสบการณ์การเจริญสติในชีวิตประจำวัน ตามแนวทางของ ท่านติช นัท ฮันห์ พระมหาเถระนิกายเซน โดยคณะ ธรรมาจารย์ภิกษุภิกษุณี จากสังฆะแห่งหมู่บ้านพลัมประเทศฝรั่งเศสและเวียดนาม ในการภาวนาและแสดงปาฐกถาธรรม ในประเทศไทย เดือนตุลาคม 2550 >> อ่านรายละเอียดได้ที่นี่... www.thaiplumvillage.org
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ : โทร. 085-318-2938, 085-318-2939
E-mail : awakeningsource@yahoo.com

วันพุธ, กันยายน 26, 2550

เพลงเติมยิ้มของวันนี้

People are fragile things,

you should know by now

Be careful what you put them through

People are fragile things, you should know by now

You'll speak when you're spoken to

:Corinne Bailey Rae

วันพุธ, กันยายน 12, 2550

.

เกลียดการพูดคำว่า "ไม่มีเวลาเป็นที่สุด"
แต่เดี๋ยวนี้ก็ได้พูดบ่อยเหลือเกิน
ต้องวางหรือตัดสายกับเพื่อนที่โทรมาทักทาย
ต้องกินข้าวเร็วเป็นจรวด
พูดเร็วแทบลืมหายใจ
มีโพสต์อิทแปะเปรอะไปทั่วโต๊ะ กะคอม
ไม่มีเวลาพล่ามในบล็อค
ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ
ได้ไปเกาะแต่เท้าไม่ได้แตะน้ำทะเล
ได้ไปเหนือแต่ไม่ถึงดอย
...ขอหยุดหายใจเข้าออกสามที
แล้วยิ้มต่อปายย

วันเสาร์, กันยายน 08, 2550

.

There's a price to pay
like a highway's toll.
But where I'm going?
I fuckin' don't know.
Wrong turn leads to wrong goal
But why I continue this show?
China is Fragile and brittle
And also it's damn cold

What I really really want is.... is...
What is it?
Tell me if you know.
Now I'm just...
Waiting to break down
And wishing it'll flow.

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 30, 2550

อยากชวนมาร่วมกันแบ่งปันของบริจาคให้วัดและโรงเรียนในที่ห่างไกลค่ะ

อ่านรายละเอียดต่อได้ที่ http://www.volunteerspirit.org/wb_read.asp?id=297

เป็นความบังเอิญที่ได้ก่อเกิดโครงการนี้ขึ้นมา จากจุดเริ่มเล็กคือพระโจ้เพื่อนของพวกเราเอ่ยว่า ช่วยเอาของวัดไปแจกเด็กๆที่ต้องการหน่อย จนตอนนี้กลายเป็นโปรเจกใหญ่เนื่องจากพอเราเริ่มหาเครือข่ายโรงเรียนในในแดนไกลที่ขาดแคลน ก็มีรายชื่อมากจน เราคิดว่าของจากทางวัดอย่างเดียวคงจะไม่พอแจกจ่ายทั่วถึง ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นโครงการรวบรวมหนังสือ และสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กๆทางอีสาน 19โรงเรียน ยังพ่วงมาด้วยรายชื่อโรงเรียนเด็กๆที่แม่ฮ่องสอนซึ่งต้องการหนังสือ เพราะขาดแคลนมากจากพี่เล็กมาอีกเป็นรายชื่อยาวเหยียด

และเป็นความสุขเล็กๆของวัน ณ ขณะนี้เลยทีเดียว เมื่อชีวิตที่มักได้เร่ร่อนไปโน่นมานี่ทุกรายสัปดาห์ต้องมาจอดลงไม่ไกลไปกว่าสถาณนีรถไฟฟ้าไม่ก็ใต้ดิน กินลมชมแอร์ ไม่ใช่ออกซิเจนจากต้นไม้ แต่อย่างน้อยวันนึงๆจะได้รับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จักประมาณ สองสามสายโทรมา ขออาสาแพคของบ้าง โทรมาบริจาคของบ้าง บริจาคสตางค์บ้าง ทำให้ได้เห็นมุมมองอะไรใหม่ๆ กรุงเทพที่เต็มไปด้วยคอนกรีต ความร้อนและคาร์บอนไดออกไซต์ของเหมือนฉากในการ์ตูน ปอมโปโกะ แรคคูนในเรื่องก็คือพวกเราเองที่สุดท้ายต้องจำยอมอยู่ในป่าคอนกรีต แต่เราก็ยังพอจะหาวิธีรักษาป่าในหัวใจของพวกเราได้

วันพุธ, สิงหาคม 29, 2550

Dictionary 01

"so cool" means "dude!! that's so boring"

วันจันทร์, สิงหาคม 20, 2550

.

jak รักน่ะเด็กอ้อ says:
เซ็งไอ้ตอนว่างๆแม่งไม่ป่วย พองานเยอะแม่งป่วย
Nim says:
55555
Nim says:
โทดนะ แต่ชีวิตก็งี้
......

วันพุธ, สิงหาคม 15, 2550

โปรเจกก์ขุ้ยเพลงเก่ามาฟังเพราะไม่มีตังค์ซื้อแผ่นใหม่


i've got a symbol in my driveway

i've got a hundred million dollar friends

i've got you a brand new weapon

lets see how destructive we can be

i've got a brand new set of stencils

i've been connecting all the dots

got my plans in a zip lock bag

let's see how unproductive we can be

i've got a light bulb full of anger

and i can switch it on and off

in situations it can be so bright

i can't believe, how pathetic we can be

i've got a perfect set of blueprints

i'm gonna build somebody else

might cost a little more than money

but whats man without his wealth

i've got a phosphorescent secret

but dont you tell nobody else

next thing you know

the whole world will be talking

about all the clues they got

they just ain't no use

they've got us fooled

วันพุธ, สิงหาคม 08, 2550

..

Ooh, its so typical,
love leads to isolation
So you build that wall
Yes, you build that wall
And you make it stronger
Well you have no right to ask me how I feel
You have no right to speak to me so kind
Some day I might find myself looking in your eyes
But for now, well go on living separate lives
Yes for now, well go on living separate lives
Separate lives

วันจันทร์, สิงหาคม 06, 2550

being and perception

เราเกิดมาเป็นคนเพียงคนหนึ่งจริงหรือ
การเป็นตัวตนของคนคนหนึ่งนั้น เราสามารถตอบได้ชัดๆหรือไม่ว่ามันเป็นอย่างไร มีแบบแผนหรือสามารถคำนวณได้จากสมการใดหรือเปล่า
หรือว่าคำว่าตัวตนที่เราพูดถึงกันนั้นไม่ใช่อะไรเลยนอกจากการรับรู้
การรับรู้ที่ไม่สามารถเกิดได้จากฝ่ายเดียว แต่เป็นการรับรู้ตัวตนของคนหนึ่งโดยอีกบุคคลหนึ่ง แม้กระทั่งตัวเองที่เฝ้ามองและพิจารณาตัวเองอยู่ราวกับเป็นสองบุคคลในร่างกายเดียว
แน่นอนว่าการรับรู้ต่อบุคคลหนึ่ง ของสองบุคคลย่อมไม่มีทางเหมือนกันได้เลย
ตัวตนของคนๆหนึ่งอาจต่างออกไปได้เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันรูปแบบ
ถ้าหากลองพิจารณาให้ดี การรับรู้หายใจได้ด้วย มันหายใจเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตเลยทีเดียว
มันแปรเปลี่ยน เติบโต เจ็บป่วยได้ เสมอๆ และแน่นอนว่ามันตายได้อีกด้วย
การรับรู้ไม่มีวันเป็นตัวตนที่แท้จริง มันอาจอยู่ตรงไหนซักแห่งระหว่างจุดที่ใกล้ตัวตนที่จริงแท้ที่สุดไปจนถึงตัวตนที่บิดเบือนสุดขั้ว
โศกนาฏกรรมของความสัมพันธ์มักเกิดจากการรับรู้ที่ไกลจากตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายเสมอๆ
บางคนอาจได้อยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน แต่แท้จริงกลับเพียงแค่อยู่กับการรับรู้ตัวตนของอีกฝ่ายอย่างบิดเบื้อน ผิดเพี๊ยน
บางคนอาจได้อยู่ร่วมกันในเวลาอันแสนน้อยนิด จากนั้นก็เก็บเอาการรับรู้ตัวตนที่ฟั่นเฟือนของอีกฝ่าย ประทับลงในความทรงจำตลอดนานแสนนาน อาจเป็นความทรงจำที่สวยงาม หรืออาจเป็นความทรงจำเลวร้าย และเจ็บปวด
การรับรู้ผิดเพี๊ยนอาจทำลายตัวตน และทำให้ไม่มีค่าพอบนพื้นที่ความทรงจำใดๆ

เป็นความจริงที่น่ากลัว ถ้าหากในชีวิตหนึ่งของเราแท้จริงแล้วไม่เคยได้อยู่ร่วมกับใครเลยแม้แต่ตัวตนที่แท้ของตัวเอง และได้เพียงแค่อยู่กับการรับรู้ที่ปรุงแต่ง เพราะหัวใจของเราไม่มีประตูเปิดรับแสงสำหรับการมองเห็น และเรามีเพียงสมองไว้คิด วิเคราะห์ ตัดสิน และเก็บความทรงจำ

วันอาทิตย์, สิงหาคม 05, 2550

pause

is it exist only in an ideal?
can we really pause a time?
I imagine how it's going to be if we can pause at each moment.
a moment the sun shine,
a moment the rain pour,
At a pause, down to a single moment.
will we feel the burn of the sunbeams or the moisture of the juicy rain?
a moment we cry,
a moment of fear,
a moment we smile,
a moment of happiness,
At a pause, down to a single moment.
but how long is one single moment?
next to zero but never zero.
is it long enough to be sad or glad?
At a pause, down to a single moment every song turns into one "a song of silence".
I imagine if we can live a single moment like we are at a pause.
will we above all the feelings? the sadness, the gladness and also the nothingness
I imagine if we can live every one single moment at a pause.
we'll no longer be swallowed by the past or the future.
I imagine.

วันศุกร์, กรกฎาคม 20, 2550

Another looking deeply lesson


“I’ve chased after rocks all my life. I’m addicted to rocks, all miners are. It really is an addiction. I’ve worked in mines since I was nine years old.” “I’m waiting to go back into the Roosevelt Reserve of the Cinta Larga indigenous people. The police closed it after the Cinta Larga killed 29 miners because they wouldn’t leave the reserve. When I’m on the reserve I work for the Cinta Larga and I get 5 percent of whatever I find. Sometimes I bargain for 20 percent.


Once I found a diamond worth one million dollars. I tried to hide it but I got scared and showed the rock to the Cinta Larga chiefs. I would have been set up for life, but if they’d discovered it I wouldn’t be here now. I didn’t have much time to decide. I had it in my hand. I could hardly breathe. It’s tough in there. On their land they are the law. Respect it or accept the consequences. I prefer not to risk my life. The problem is that the Cinta Larga open and close the mine whenever they want. If you invest in machines to work the mine you can lose everything from one day to the next. And the federal police can come in and shut everything down. You don’t even have time to hide your machine.


Society has a distorted view of miners. People think we’re a scourge. But we’re just a bunch of uneducated poor people trying to make a living. I had three children who all became miners. They’re just like me.
"Most of the time we work in poor conditions and in prohibited places. We’re not equipped to deal with society. We live outside of society, but society enjoys the fruit of our work. Many people wear the rocks we find, around their necks or on their fingers." Sometimes you find a good rock and you have money for a while, but most of us don’t know how to use money. And after a while we’re poor again.”


- Leônidas da Silva, 55, from Maranhão, lives in Espigão do Oeste, Rondônia.
© COLORS 2006. All rights reserved

วันอังคาร, กรกฎาคม 17, 2550

วันแห่งสติ ตอน รักษ์เรารักษ์โลก ที่สวนรถไฟ

ช่วงเช็คดินฟ้าอากาศ แลกเปลี่ยนสิ่งที่พบในอาทิตย์ที่ผ่านมา

ช่วงแนะนำหนังสือน่าอ่าน และแลกกันยืม (มีหนังสือหลากหลายมากตั้งแต่วรรณกรรมเยาชนไทย เทศ เรื่องสั้น หนังสือธรรมะการ์ตูน ไปจนถึงหนังสือที่ดูเกือบจะเหมอืนตำราเรรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ คราวหน้าเอาอีกน่ะ)

ช่วงภาวนากับการทำงาน จับภาพขณะพี่โก๋และนิ้งเก็บขยะที่คนมาเที่ยวสวนทิ้ง แล้วเรายังมาโหวตกันด้วยว่าเจออะไรมากที่สุด ได้ข้อสรุปว่า ฝาขวด หลอด โอเล่ และซองถุงยาง เยอะเจงๆ ฮ่าๆ


นอกจากนี้เรายังทำอาหารมาปิกนิคกัน โดยเราจะพยายามไม่สร้างขยะคือเอาอาหารใส่กล่องมา หญิงทำไข่เจียวค่อนข้างเบสิคๆไปหน่อย ฮ่าๆ พี่ดวงทำขนมปังสไตล์อิตาเลียนแบบ กินแล้วนึกว่าอยู่เวนิซ แต่พี่ดวงก็พูดว่า มันทำง่ายๆมากเลยครับ พี่ป๊อกต้มผัก พี่อะตอมกะพี่ตาหนูมาพร้อมขนมเพียบ นิ้งเอาผัดผักที่คนชมว่าอร่อยมา แต่ นิ้งให้แม่ทำ ชิ ส่วนเราเอาสละที่พี่ปอกไว้เราก็แฮ๊บมา กะผัดผักที่ไหว้ ไหว้จิงๆ ไหว้วานให้พี่ช่วยผัดให้ อนาถจิตการทำอาหารไม่เป็นของตนเจงๆ จะต้องหัดบ้างแล้ว การที่แต่ละคนทำอาหารมาทำให้ตอนที่เราพิจารณาอาหารทำให้เราเห็นภาพขำๆเช่น กินไข่เจียว ขอบคุณหญิงที่อุตส่าตื่นเช้ามา ทำท่าทางต้องเก้ๆกังๆ ชัวร์ และขอบคุณพี่สาวตัวเอง รู้สึกเหมือนได้เอาพี่มาปิกนิคด้วย ด้วยความใจดีที่ทำให้ทุกอย่างเล้ย :)
และโปรแกรมที่ขาดไม่ได้คือนั่งสมาธิและ ทวนศีล เป็นการทวนศีลกันเองง่ายๆที่ศาลาริมน้ำ มีเจ้ากระรอกหวังของกินมารบกวนสมาธินิดหน่อยแต่ก็สร้างบรรยากาศสวนให้รื่นรมย์

วันเสาร์, กรกฎาคม 07, 2550

Yi Yi


"YI YI" ไปดูกะพี่เอ พี่จัน พี่ป๊อก

Truth is somewhat bigger than us to judge.
Because we always know only half of the truth.
We can't even see our own back!
no matter who we are, the wise or the dump, the grew up or the kid.

Thay always say " Are you sure? "

วันศุกร์, กรกฎาคม 06, 2550

as one listen to the rain

Listen to me as one listens to the rain,

not attentive, not distracted,

light footsteps, thin drizzle,

......
Octavio Paz

กลอนบทนี้ของ Paz จริงๆยาวกว่านี้มาก แต่เพียงสามวรรคแรกที่ได้อ่าน
มัน ยังไงหล่ะ โดนนนนนนนนนน
อยากจะฝึกที่จะฟังอะไรๆเหมือนกับฟังเสียงสายฝนพลัมๆ
ฟังให้เหมือนกับใบไม้ที่อยู่ตรงนั้นฟังแสงแดดอุ่น
ฟังให้เหมือนกับดอกบัวบานเปิดรับหยาดฝนทุกหยดที่โปรยลงมา
as one listen to the rain
not attentive, not distracted,

"listen with your whole being not only your head" หลวงพี่ฟับเวียน

วันอังคาร, กรกฎาคม 03, 2550

.

ในเช้าวันที่ท้องฟ้าขมุกขมัว รถก็ติดหนึบไม่ค่อยจะยอมขยับแม้จะเป็นทางด่วน(เก็บตังค์แพง)พิเศษก็ตาม มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆแต่ว่าดึงดูดสายตาของเราได้เร็วมากจริงๆในฉากแบบที่ว่านี้ ก็คือเจ้าผีเสื้อ มันบินผ่านมาเหนือกระจกรถ (บนทางด่วนเนี่ยน่ะ)
ตอนแรก งงครับ งงมากเลยทีเดียว
ถ้าหากว่านี่เป็นเกมส์โฟโต้ฮันท์ ให้จับผิดว่าอะไรผิดที่ผิดทางก็คงต้องจิ้มไปที่เจ้าผีเสื้อไม่ต้องสงสัย
เค้าว่ากันว่าผีเสื้อเป็นมาตราฐานการวัดสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่ง หากว่าบริเวณใดยังมีผีเสื้อพอให้เห็นก็แปลว่าอากาศคงไม่ได้เลวร้ายเกินไป
คิดสงสัยว่ามันจะรอดมั้ย แล้วมันจะบินไปไหน มันอาจจะหลงมาก็ได้
ผีเสื้ออาจจะหลงมาในเมือง หลงมาในที่ๆไม่เหมาะกับความสวยงามและบอบบางของมัน
ผีเสื้อ...ช่างน่าสงสาร
แต่คิดไปอีกที ไม่ใช่ผีเสื้อหรอกที่หลงมาในเมือง
เพราะเมืองครั้งนึงก็เคยเป็นป่า แล้วผีเสื้อก็ยังคงพยายามต่อสู้ดิ้นรนกับความเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะอยู่อย่างที่มันเคยอยู่ต่างหาก
แต่คนต่างหากที่หลงจากโลกสีเขียวๆไปในเมือง หลงเข้าไปทุกทีๆ เมืองก็เลยกว้างใหญ่เข้าไปทุกวันๆ
คน...ช่างน่าสงสาร

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 28, 2550

แบบฝึกหัด ฝึกการฟังอย่างลึกซื้งด้วยความรักและหัวใจที่เปิดกว้าง

เราต่างก็เหมือนคนตาบอดที่คลำช้าง คนนึงจับถูกหูก็ว่าช้างเป็นแผ่นแบนๆ อีกคนจับถูกขาก็ว่าช้างเป็นแท่งกลมๆ อีกคนจับถูกงาก็ว่าช้างแหลมเฟี้ยว
เราจึงต้องฝึกการฟังอย่างลึกซึ้งและไม่ตัดสิน ใช้สติ ไม่ใช่อารมณ์
ฝึกฟังด้วยความรักและเมตตา
และเปิดประตูของหัวใจเราให้กว้างเอาไว้เสมอๆ
นี่แหละถึงจะเป็นวิถีของผู้ฝึกปฏิบัติอย่างแท้จริง


....คลิ๊กที่รูปเพื่ออ่านในภาพขยาย





.


หมูน่อยสองตัวที่ทองผาภูมิ
27 มิถุนายน 2550
มันอาจกำลังชิวอยู่ในดินโคลน หรือบางทีมันอาจจะกำลังภาวนาในคนกินมังสวิรัติกันมากขึ้นก็ได้

วันอังคาร, มิถุนายน 26, 2550

No cap please!!!


จากการประเมิน
ประเทศไทยมี เซเว่นอีเลเว่น ประมาณ 4,000 สาขา (นี่ยังไม่รวม family mart ampm และเซเว่นปลอมๆอีกประปราย)
หากวันหนึ่ง ร้านเซเว่นขายกาแฟกับน้ำอัดลมต่าง สาขาล่ะ 100 แก้วต่อวัน
ปีหนึ่ง 365 วัน
ก็เท่ากับแก้วพลาสติก ฝาครอบ และหลอด จะถูกใช้ไปจำนวน 4000 * 100 * 365 = 146,000,000 ชุด
ซึ่งอายุการทำงานของมันต่อชุดไม่เกินสิบนาที แต่มันจะกลายเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ไปอีก 500 ปี ยังดีที่บางส่วนอาจนำไปรีไซเคิลได้
แต่การผลิตแก้วพลาสติกชิ้นหนึ่งนั้น หมายถึง เงินที่ออกนอกประเทศในการซื้อเม็ดพลาสติก หมายถึงน้ำมันเชื้อเพลิงในการหลอม และเป่าโมลพลาสติก หมายถึงน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม หมายถึงภาระของกทมในการกำจัดขยะ อาจรวมถึง การทำลายชั้นโอโซนในการเผาทำลายขยะอีกด้วย
เริ่มต้นกันวันละเล็กวันล่ะน้อย ไม่ได้คิดว่าเราต้องเดินพกแก้วมาจากบ้าน เราอาจจะเริ่มง่ายที่การไม่เอาฝาปิดแก้ว ถ้าแก้วสะอาดก็ไม่ต้องเอาหลอด
หาก ประหยัดการใช้แค่ฝาครอบอย่างเดียว ปีละ 146,000,000 ชิ้นได้ ก็เป็นความเคลื่อนไหวเล็กๆที่ไม่เล็กเลยทีเดียว
no cap please!!!!

วันอาทิตย์, มิถุนายน 10, 2550

the most creative wedding's greeting!


Learning True Love

Learning true love

: Sister Chan Khong ( Sister True Emptiness)
chanเจิง is mean shoe and khongคอม is mean no ( chan khong เจิงคอม is mean "no shoes")
Parallax Press


Lucky me that I've recieved this book as a present from Plum village sangha. Because It's not available at any book store in Thailand.

While I was reading this book of true love, my heart can touch the overwhelmed love and compassion of everyone's life that vivid in the book though it's was fourty years ago story.

I can see how the love of the fearlessness of Bodhisattava really is in real action.

I can see how the great understanding of Bodhisattava, not against the violence but embraces the violence,works.

I can see how the roses can really bloom out of the garbages in this cruel world.

I can see how great is the suffering of others being and how one's love can encourage one to do such a hard and dangerous work for others.


Reading this book you need no knowledge or such an intelligence background, all you need is the pure humanity inside you

This book is True love in form of a book.

Dear friends please do not miss.

วันพุธ, มิถุนายน 06, 2550

กิน กิน กิน กินผักทู๊กวัน

เรา :ทานๆทานกินอะไรเป็นมั่งอ่ะ
กินผักเป็นมั้ย
ทาน : กิน กิน กิน กิน กินผัก ทู๊กกกกกก วัน
เรา : กินมะเขือเทศเป็นมั้ย
ทาน : กิน กิน กิน กิน มะเขือเทศ ทู๊กกกกกกกกกกกวัน
เรา : กินเต้าหู้เป็นมั้ย
ทาน : กิน กิน กิน กินเต้าหู้ทู๊กกกกกวัน
(ก็ไม่เห็นว่าพ่อแม่จะพูดสำเนียงแบบนี้ เด็กมันไปเอามาจากไหนหว่า ฮ่าๆ ขำแสดท่าทางพ่อจะไม่เคยซื้อขนมให้กิน เจอกินแต่ผักแน่ๆ)
ทานกินเนื้ออะไรบ้าง
ทาน : เนื้อคน เนื้อควาย เนื้อพระ
เหยยยยยยย ! ก๊ากกกกกก
ว่าแล้วเด็กน้อยสองขวบ ก็ออกวิ่งถือเอาไม้จิ้มฟันแหลมๆไปอันนึงวิ่งหายออกไปที่ถนน แล้วพ่อแกก็วิ่งตามไป แต่ดูจะไม่ทันเด็กตัวกะเปี๊ยกแต่วิ่งเร็วจิ๊บ
พ่อแกวิ่งมา แต่หยุดที่โต๊ะพวกเรานั่งทานก๋วยเตี๋ยวกันอยู่เป็นเบรคเอี๊ยด
พี่โจน : ใครยังไม่มีลูกอ่ะ คิดให้ดีๆก่อนน่ะ
แล้วแกก็ออกวิ่งตามเจ้าทานไป
....
ช่วยโปรโมทเนื่องจากของเค้าดี ตอนนี้พี่โจนเปิดร้านอาหารชื่อว่า พันพรรณ อยู่ที่ในวัดสวนดอก บรรยากาศดีร่มรื่นตรงลานต้นโพธิ์ ขายอาหารหลากหลายและใช้พืชผักเกษตรอินทรีย์ ราคาก็ไม่แพงด้วย แต่เตือนว่าอย่าใช้ไม้จิ้มฟันร้านแกเวลาไปกิน เพราะอาจจะโดนเจ้าทานลูกชายแกเอาไปเล่นเป็นของเล่นมาแล้ว ไม่รู้เล่นยังไงด้วยนี่สิ ฮ่าๆ ล่าสุดได้ข่าวมาว่าเย็นนี้สามพ่อแม่ลูกจะไปอเมกา สามเดือน แต่ร้านยังคงเปิดตามปรกติ อ่าทำให้เราที่คิดจะไปวิ่งเล่นแถวเชียงหใม่ แล้วขโมยลูกเค้ามาเล่น เซ็งไปเลยง่า ขอให้เดินทางปลอดภัยและสนุกแล้วกันน่ะ

วันอังคาร, มิถุนายน 05, 2550

being recognized

ตื่นรู้ต่อความหลับ ยังดีกว่า หลับไหลฝันไปว่าตื่น

ขอบคุณ





ขอบคุณเพื่อนๆ ผู้เป็นรอยยิ้มให้กัน เป็นเสียงหัวเราะ เป็นความเพี๊ยน เป็นความพลาด เป็นแรง เป็นงาน ดีใจมากที่มีทุกคนอยู่ ขอบคุณเหล่าอาสาสมัครผู้ไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่าเอาแรงมาแลกยิ้ม ผู้ไม่เคยติอะไรซั๊กกะอย่าง งานหนักเบาไม่หวั่น กินอะไรก็อร่อย ทำอะไรก็สนุก แม้จะรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ก็ก้มหน้าก้มตาปัดกวาด ขัดถู ยกโน่นนี่ เต็มที่กันทุกคน ดีใจมากสำหรับเวลาที่มีมาให้เราใช้ร่วมกัน

วันจันทร์, มิถุนายน 04, 2550

being an island unto myself

Breathing in, I go back to the island within myself...
this poem was inspire by the last sutra of Buddha before he pass away.
the sutra is about 3 jewels within ourselves.



when we take refuge to buddha, dharma and sangha

it's within ourselves.

we should not take refuge to anybody but ourselves.

we are like the hut with many doors and windows, eyes ears... (6 doors)



what we think, tastes and so on are like a wind blowing through the window and make miserable and we try to organize things but we cannot.

the most important thing is to close the six doors of the senses.

don't try to see or hear... anymore

sit down quitely and light the lamp of mindfulness

be in an island within

everyone has that own island
with our practice
mindfulness, concentration and insight are the shortest distance to the island within.
I've recieved this island from the Buddha.
I'd like to transmit to everyone.

"Dharma is my mindfulness, shining near shining far.
Buddha is my breathing, guarding my body and mind.
Sangha is 5 skandas operating in harmony"

วันเสาร์, มิถุนายน 02, 2550

Toward peace and Harmony part:00

Me:Actually I have one more question may I ask?
You said that Buddha is made of non buddha elements.
and the ideas of living being is exist because the idea of non living being is exist.
So peace is also the same?
If peace is made of non peace elements, We cannot have absolute peace in this world?

Thay: right, We cannot have absolute peace. for example, even how good gardener you are, you still make some waste from your garden not only a flower but the flower soon will turn into waste and later they will turn to be flower again because they help nourish the trees.
just like happiness and suffering, suffering is also important. If you don't know suffering you will not know happiness.
It's a circle peace and war and peace and war.
but we should have more happiness and less suffering.
and we practice to increase more peace and less war.
we want peace peace and war and peace and peace and war,
not war war war and war.

วันจันทร์, พฤษภาคม 28, 2550

Breathing in, I know my anger is here.

A seed of violence is one of the negative seeds that I've been watered it for so so long.
and my practice is also very weak. It's not good enough to help me recognise it right away when my anger raise.
In forgetfulness, I make a lots of pain in myself and others.
And after that I always feel so bad and lost my energies weeping for that

When I heard the story about human being they kill each other. my violence inside scream. I hear my voice say that how could they be so cruel to the people who didn't do anything wrong . how could they killed like that. why they are so heartless. and my voice said punish them! they deserved pain equally what they made to others!

But I also hear my teacher's voice say to me that it isn't right way to revenge, to kill. You shouldn't fight violence with violence.

Looking closely, I feel sorrow for the killer.
More closely, I feel sorrow for us. for human being for our pain we all share.
More and more closely, I feel sorrow for myself that even I've been taught. but I'm still too much in forgetfulness so the light cannot shine clearly in my heart.
More and more and more closely I feel more sorrow that I'm so little and I can't change the world that so cruel.

but more and more cand more and more closely, I think it's not right to blame on myself or to water the negative seeds. but if I am little then I'll change the world little by little.

You have my promise.
Rest in peace.

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 27, 2550

Dharma discussion about monastic life

Me: Did you hesitate when you decided to become a nun and what about after that, have you ever think about giving up on this path?

Sis Mai ngihem : I was almost 18 when I decided to become a nun. I remember the morning after I wrote a letter to the monastic, I woke up and think to myself what did I do? I was thinking about life at school, live the rest of my life in the countryside in france. that thought made me crazy. but then the second thought comes up, It's about the reason why I decided to choose this path and it's even stronger than the first thought.

life of a monastic is not different from normal life. there's up and also down.

the second time my hesitation comes up, was three years after when I 'm going to recite to become bhikkuni I have a strong feeling that i want to disrobe, I was thinking about my life if I wasn't a nun. I was thinking about my study, having a boyfriend, have my own apartment and being close to my family. that though also made me think that I do not deserved the Bhikuni status too because I wasn't ready.

I shared my doubt to one of my elder Dharma sister, and she told me the story about the buddha. when Buddha was sitting beneath the Bodhi tree and nearly reach the enlightenment, Mhara came to Buddha and Mhara offer a lots of choices to Buddha. But Buddha he has a very strong and clear direction to be liberated. So Mhara has no power over him and disappear.

After I heard this story, my doubt has gone. I really don't understand why. and I don't really want to understand it much.

and now I'm happy with my monastic life and even more and more I feel that I still have a lots to discover within myself.

Toward peace and Harmony part:0

When I was there sitting next to Thay,
Thay's looking into my eyes and so did I,
Suddenly, I feel like I can deeply understand The words
"Looking with the eyes of Buddha."
The eyes that filled with limitless generousity
so calm
and so light
but also so powerful.

"Dear Thay,I would like to ask a question...."

Maybe,that moment could change my life.

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 20, 2550

The day to remember

The happiest moment of today,
It is when about 1400 people in the hall "sitting meditation" together with the monastic even it's only five mins. I feel the strong power of meditation.I feel the voice of us calling for peace. After the whole day that I didn't have time even to have my meal. I just................stop. taking off that walkie talkie and sit down at the back to recognize my breathing. That short moment is worth everything.

What I won't forget,
I saw a lots of smiles obviously showing me their supports.
And a lots of volunteers they never hesitate to do what we ask them to help.
We were tired but also we're happy.

The highlight of today is not only a dharma talk but it's everything every smile everybody even Khunpa Diamond-water that makes us have a story to laugh.

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 17, 2550

stop for a second to breathe

No matter how busy I am but I always find myself a time to write a journal.
It's one of the way for me to practice, writting in mindfulness in awareness and with love and flower.
Above all, It's what I love to do.

This is the most challanging time for us to practice.
In time of crisis in a rush, practicing is seems to be harder and harder.
Sometimes our temper rising and we lost our practice.
And we fall apart within our violence.
Quietly, Peace is running away from us.

All we needs to do is going back to our breathe.

In
out
deep
slow
calm
ease
smile
release

And one last thing
we can not forget to practice in mindfulness to get over our wrong view of self.

That's the spirit of "Toward peace and Harmony"

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 10, 2550

.

Perhaps red is scorching only for the human eyes.
Hot and cold are defined by the human temparature.
Silence is just the name we're giving to what we couldn't hear.
See only our own eyes,
Cry only our own tears,
Speak only our own voice.
This way we can go not so far.

วันจันทร์, พฤษภาคม 07, 2550

be free where you are


"The mind is a television with thousands of channels
I choose aworld that is tranquil and calm
so that my joy will always be fresh."
....
Thich Nhat Hanh : Present Moment Wonderful Moment


หน้าฝนนี้ขอชวนชาวจิตอาสามาล้างใจให้ใส ล้างห้องน้ำให้สะอาด ถวายเป็นกุศลแก่อาคารที่พักสงฆ์ ณ หออาคันตุกะ พุทธมณฑล


ใครว่าทำบุญต้องใช้เงินอย่างเดียวหรือต้องรอวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น ?
เพราะแรงกายของเราก็สร้างบุญได้เช่นกัน แถมทำได้ทุกวันไม่ต้องเว้นวรรคอีกด้วย ขอเชิญชวนผู้มีจิตอาสา รักความสะอาด อยากออกกำลังกายและใจ ร่วมกันทำบุญด้วยการทำความสะอาด และตระเตรียมที่พักเพื่อรองรับพระภิกษุ-ภิกษุณีจากหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส ณ หออาคันตุกะ พุทธมณฑล ในวันพฤหัสและศุกร์ที่ ๑๗ และ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เวลา ๘.๐๐ – ๑๖.๐๐ น


........อ่านต่อได้ที่ http://www.oknation.net/blog/mon/2007/05/07/entry-1


ปล.ขอขอบคุณพี่มน เนชั่นมากๆค่ะ ที่ช่วยกันบอกต่อข่าวประชาสัมพันธ์นี้ อย่างรวดเร็วฉับไว้ ทั้งยังใส่ใจรายละเอียด ช่วยเรียบเรียงและแต่งเติมข้อความและภาพให้อีกด้วยค่ะ เหล่าอาสาทั้งหลาย เจอกันค้าบบบบบบบบ

ไม่มีศาสนา

สำหรับข้าพเจ้าแล้วมีเพียงแค่
การเดินทางไปสู่ปัญญา
การเดินทางไปสู้สันติ
เหนือสิ่งอื่นใด
คือการเดินทางไปสู่ธรรมชาติอันเป็นความจริงแท้
พระเยซูมีคำสอน
พระพุทธเจ้ามีคำสอน
ขอทาน โจร ก้อนหิน หนอน ลม หรือแม้แต่ต้นหญ้าก็มีคำสอน
การแสดงความเคารพต่อศาสดา ต่อครูผู้สอนนั้น
ต้องทำด้วยใจอันบริสุทธิ์ และทำด้วยปัญญา
ไม่เช่นนั้นเราเองอาจกลายเป็นผู้ทำลายการดำรงอยู่ของท่านเหล่านั้นไปจน
หมดสิ้นโดยที่เราเองไม่อาจรู้เท่าทัน
ศาสดาก็เป็นแค่สิ่งๆหนึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย เป็นเพียงสิ่งที่เคยมีชีวิต
หากไม่มีพวกเราผู้น้อมนำคำสอนของท่านมาปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิดความสว่างในจิตใจ
เห็นหรือไม่ว่าเราเป็นผู้สืบทอดชีวิตของศาสดา และศาสนา
จะงดงาม หรือบูดเบี้ยวอย่างไร ก็อยู่ที่พวกเรา
ขอให้วาจาแห่งปัญญาของท่านเหล่านั้นนำทางเราไปด้วยเถิด

วันพุธ, พฤษภาคม 02, 2550

The real robbers

There is nothing to fear, because we don't have anything to lose.
All that can be robbed from you is not worthwhile, so why fear, why suspect, why doubt?

These are the real robbers : doubt, suspicion, fear. They destroy your very possibility of celebration. So while on earth, celebrate the earth. While this moment lasts, enjoy it to the very core. Because of fear we miss many things. Because of fear we cannot love, or even we love it is always half-hearted, it is always so-so. It is always up to a certain extent and not beyond which we are afraid, so we get stuck there. We cannot move deeply in friendship because of fear. We cannot pray deeply because of fear.

Be concious but never be cautious. The distinction is very subtle. Consciousness is not rooted in fear. Caution is rooted in fear. One is cautious so that one might never go wrong, but then one cannot go very far. The very fear will not allow you to investigate new lifestyles, new channels for your energy, new directions, new lands. You will always tread the same path again and again, shuttling backward and forward --- like a freight train!

from : Everyday : Osho
and much much thanks for p'koh who lending me this book.

วันอังคาร, พฤษภาคม 01, 2550

วันอาทิตย์, เมษายน 29, 2550

ปลาน่อย

หลังจากเมื่อวานบังเกิดความเสี้ยนขึ้นสูงที่อยากจะเลี้ยงปลาในห้องนอน
แม้เพื่อนฝูงส่ายหัวคัดค้านเป็นเสียงเดียวกันว่า สงสารปลา แกทำมันตายแน่ๆ
ถึงจะพยายามบอกยังไงว่า จักรปาณีนี่ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงปลาคนนึงเลย ก็ไม่มีใครเชื่ออีก
ตอนกลางคืนถึงกับตั้งชื่อปลาน้อยไว้ในใจ
รุ่งขึ้นเหาะไปเจเจเพื่อไปหาปลาถูกใจมากเลี้ยงดูปูเสื่อ
ไม่คิดเลยว่าการหาซื้อปลาหน้าตาบ้านๆทนทานดินฟ้าอากาศ กินง่ายนอนง่าย เช่น พวกปลาหางนกยูงนี่มันจะยากเย็นแสนเข็ญ
เดี๋ยวนี้คนเค้านิยมเลี้ยงแต่พวกปลาทะเล แล้วก็สรรหาซื้อพวกดอกไม้ทะเล กุ้งหอย หน้าตาไฮโซจากทะเลลึก
ยังมีพวกนกเงือก นกแร้ง สารพัด สัตว์ป่า
ซึ่งผิดกฏหมายน่ะคร้าบบบบบบ แล้วก็ถือเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่เห็นแก่ตัวจริงๆ
รับไม่ด้ายยยยยยยย
พวกมันไม่ได้เกิดมาเป็นสัตว์เลี้ยงซักหน่อย ทำไมไม่เลี้ยงปลาทอง ปลาหางนกยูง หมา แมว อะไรที่มันเป็นสัตว์สำหรับเลี้ยงหน่ะ
ไม่เข้าจายยย
สุดท้ายก็ได้ตกลงใจเอาเจ้าปลาบอลลูนจิ๋ว 6 ตัว กลับมาพร้อมอ่างดินและน้ำไม้น้ำหลายต้น
จัดเสร็จนั่งดูไปดูมา ปลาบอลลูนนี่ออกจะเอ๋อๆเหวอๆ ถูกใจจริงๆ
ว่ายไปกินอาหารก็พลาดเป้าตลอด พอเอาเข้าปากยังเผลอทำหลุดออกมา จนเพื่อนมาแย่งไปกินซะงั้น
อุตส่าห์แอบๆแล้ว แม่ก็ยังเห็นจนได้
ไม่น่าเชื่อว่าที่เดาไว้ว่าแม่จะบ่นว่าอะไรนั้น แม่นหยั่งกะท่องสคริปมา ฮ่าๆ
ฮิๆ กะลังเห่อ

วันพฤหัสบดี, เมษายน 26, 2550

แมงกระพรุนยักษ์


ตื่นเต้นไม่น้อยเลยเมื่อถึงนาทีที่จะต้องก้าวขึ้นไปบนเวที
นี่เราได้ขึ้นเวทีเดียวกับเจนิเฟอร์ คิ้ม พี่ฮาร์ท เบน ชลาทิศ ไอซ์ ศรันยู
และอีกหลายนักร้องฮิตของเวลานี้เลยทีเดียว
แม้ว่าจะแค่ขึ้นไปจัดโคมไฟประกอบฉากก็เหอะ
ตลกตัวเองที่ตื่นเต้น ฮา ไม่ได้ขึ้นไปร้องเพลง แต่ตอนก้าวขึ้นเวทีก็แอบตื่นเต้น
จะตื่นเต้นทำไม ก็ม่ายรู้ ฮ่าๆ
ไม่อยากจะเป็นโรคเพอร์เฟคชั่นนิส แต่พอเห็นงานมันเป็นแบบ เกือบๆ อีกนิดๆ
ก็อดหงุดหงิดใจไม่ได้กับงานที่ยังไม่เนี๊ยบสมใจ แต่ทุกอย่างก็วิ่งแข่งกับเวลาซะจน
ต้องเรียนรู้การทำใจให้รู้จักพอมากกว่า ว่ามันดีที่สุดได้เท่านี้สำหรับเวลาสั้นขนาดนี้
แค่นี้ก็อดหลับอดนอน หลายวันหลายคืน
ผลพลอยได้คือ ได้ดูคอนเสริตรอบซ้อมใหญ่ ชนิดติดขอบจอ
บวกกับความสนุกสนานในการทำงานกับเพื่อนๆ
แจ๋ว

วันอาทิตย์, เมษายน 22, 2550

หรือว่าอากาศร้อนเกินไป

ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว

คนหนึ่งเดินมาพร้อมแจกันแล้ววางไว้กลางโต๊ะ

อีกคนหนึ่งเอาน้ำมาเติมลงไป

ตามอุดมคติอีกคนน่าจะเอาดอกไม้มาปัก ห้องที่อึดอัดคงจะสว่างไสวขึ้น

แต่ไม่มีอะไรเหมือนในอุดมคติเสมอไป

อีกคนเดินมาปัดแจกันตกโต๊ะ แจกันแก้วแตก น้ำหกเลอะนองพื้น

ตามตรรกะอีกคนน่าที่จะเอาผ้ามาเช็ดและกวาดเศษแก้วแตก

แต่บางทีอะไรก็ไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น

อีกคนเดินมาบอกทุกๆคนว่าได้เวลาอาหารแล้ว

จำเป็นมากที่เราจะต้องกินเข้าไป

ก็เลยจัดแจงเอาอาหารมาจัดไว้บนโต๊ะแทนที่แจกัน

เพราะคิดว่าดอกไม้ไม่สำคัญเท่าอาหาร

แต่ใครจะเดินมานั่งกินข้าวบนโต๊ะที่รอบๆมีแต่เศษแก้วแตกกับน้ำเปียกนองพื้นล่ะฟ่ะ

วันศุกร์, เมษายน 20, 2550

And we meet again

Years gone by and today we meet again.

It's not that I'm still in love with you but it's delicate.
I can't find a right word to explain how I feel seeing you not so fine like this.
Though I wish I could do anything to release your stress or ease your troubles,
I do not know how can I do such a thing.
And I know it's a hard time for you.

But I can't be there.
And you can't be here.

It's not that I'm still in love with you but I do care.

It's delicate.

วันพฤหัสบดี, เมษายน 19, 2550

แก้วเก่า หมาเน่า คนเหงา

กลายเป็นความเคยชินไปโดยไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตัวเองจะต้องแวะไปหาเพื่อนสองคนอยู่ทุกๆวันก่อนกลับเข้าบ้านในยามดึกดื่น ไม่เว้นแม้ซักวันเดียวก็ว่าได้ วันนี้ก็เช่นเคย เมื่อขับรถกลับบ้าน ไม่ได้หลงทางบนถนนอย่างที่เป็นบ่อยๆ แต่กลับหลงหายไปในความเวิ้งว้างข้างในแทน

วันนี้เพื่อนคนแรกไม่อยู่ที่เดิม ที่ๆเค้าเคยอยู่ เพื่อนที่ว่าก็คือเจ้าหมาดำไร้บ้านนั่นเอง หากใครแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนบล็อคนี้ตั้งแต่สมัยก่อนยุคหิน ก็อาจจะเคยพอคุ้นๆ กับเรื่องที่เราเคยเขียนถึงเจ้าเพื่อนคนนี้ เค้าคือเจ้าหมาดำ ชอบเห่าดังลั่นน่ากลัว เราเองถือตัวว่าเป็นเพื่อนซี้เค้า ยังไม่กล้าเดินใกล้เลย แต่ทุกๆค่ำคืนที่ขับรถกลับบ้าน เราจะต้องจอดขอผ่านทาง ห้องนอนแสนสุขกลางถนนในซอยของเจ้าหมาน่อย อย่างสำนึกว่า เพราะเราผิดเองที่กลับดึกเกินเวลา เลยต้องรบกวนเวลานอนของเค้า ก็เป็นอย่างนั้นทุกวันที่จะจ้องจอด หยุด ปิดไฟหน้ารถไม่ให้แสบตาเค้า เค้าก็จะค่อยๆลุกขึ้นเดินช้า ช้า ชิว ชิวไปหลบข้างทาง เราก็ผ่านไป จึงค่อยเปิดไฟหน้ารถได้อีกครั้ง.......แต่วันนี้แปลกจริงๆ ไม่รู้ว่าดึกแล้ว เค้าหายไปไหนน่ะ

แต่เพื่อนอีกคน เพื่อนคนนี้มั่นใจได้ว่าเค้าจะรอ รออยู่ตรงที่เดิมเสมอ ไม่เคยไปไหน เค้าจะรอทักเราถึงหน้ารั้วบ้านเชียวหล่ะ เค้าก็คือเจ้าต้นแก้วยักษ์เหนือบ่อเลี้ยงเต่าที่โผล่ออกมาจากรั้วของป้าพิมคุณป้าข้างบ้าน ถึงคนอ่านอาจจะเบื่อที่กำลังจะขอสาธยายได้ แต่ก็ขอซะหน่อย จะบอกว่าไม่ได้โม้น่ะครับ เพื่อนเราคนนี้เจ๋งสุดๆ เราไม่เคยเห็นต้นแก้วที่ไหนจะสูงใหญ่เท่านี้ กะจากสายตาน่าจะประมาณ 6 เมตรได้ จำได้ว่าเห็มาตั้งแต่ตัวเองจำความได้เลยทีเดียว ยังไม่พอ เราไม่เคยเห็นต้นแก้วที่ไหนจะออกดอกไม่เกรงใจใครขนาดนี้มาก่อน เวลาเค้าออกดอกที บานพอๆกับซากุระ เดาเอาเองว่าอาจจะงอกงามได้ขนาดนี้เพราะปุ๋ยมูลเต่าเพื่อนของเจ้าแก้วอีกที สีขาวของเจ้าดอกแก้วขาวจนเหมือนอยากจะท้าทายความมืดของกลางคืนยังไงยังงั้น กลิ่นของเค้าที่บานทีล่ะเป็นพันๆดอกทำให้ลอยไปไกลเป็นสิบๆเมตร ยังขอย้ำว่าไม่ได้โม้จริงจริ๊ง ทุกๆวันไม่ว่าจะกลับบ้านเวลาไหน ขณะที่จอดรอประตูบ้านเปิด ก็จะต้องส่งสายตา ส่งใจไปคุยทักทายเพื่อนซี้คนนี้
เพื่อนคนนี้เค้ามีทั้งความเปราะบางและความไม่เคยท้อถอยอยู่ในตัวเอง คือแม้ว่าดอกแก้วนั้นจะเป็นดอกไม้ที่บอบบางมากและก็มีช่วงที่ได้สดใสเพียงสองค่ำคืน ในคืนที่สาม แค่ลมที่พัดผ่านมาบางๆ เจ้าดอกแก้วก็จะพร้อมใจกันละจากช่อลง แต่เค้าก็ไม่เคยย่อท้อ กลับเหมือนจะยิ่งพยายามออกดอกให้มากยิ่งกว่าเดิมในเพียงอีกสาม สี่ สัปดาห์ต่อมา ที่รักเจ้าต้นแก้วมากที่สุดก็คงจะเป็นตรงที่ เค้าอยู่ตรงนั้นเสมอๆ เพื่อนคนนี้นี่เองที่คอยส่งกลิ่นทักทายเรา คอยส่งความเขียวขจีของหมู่ใบมาให้เย็นสายตา มนุษย์กลางคืนกลับบ้านยามวิกาล ยามที่ชาวบ้านต่างหลับไหลกันหมดแล้วอย่างเรา

ค่ำนี้หลังจากหลงทางในใจ และขับไปบนเส้นทางเดิมๆ จนแล้วจนรอดก็พาตัวเองมาถึงหน้าประตูบ้านได้ ก็ต้องแปลกใจ วันนี้แปลกจริง เพื่อนซี้คนแรก กำลังยืนอยู่ข้างๆเพื่อนซี้คนที่สอง อดโมเมไปเองไม่ได้ว่ามารอเราใช่มั้ยล่ะ อดคิดเอาเองไม่ได้ว่าเพื่อนช่างรู้ใจจริงๆ ว่าเราต้องการพวกเค้าในค่ำคืนแบบนี้ วันนี้เจ้าหมาดำคงเหงาเหมือนเราเลยมาเดินเล่นนวยนาดอยู่จนดึกดื่น และเจ้าต้นแก้วยักษ์ก็ดูไม่สดใสเท่าไหร่ ที่พื้นเกลื่อนไปด้วยกลีบดอกร่วงโรยของเค้า อดที่จะยิ้มๆ กับวันพิเศษนี้ไม่ได้ ถึงจะเหนื่อยล้ายังไง แต่พวกเค้าก็มารอเราอยู่


วันที่ไม่สดใส เพื่อนยังเป็นกำลังใจให้กันเสมอ
จะมีอะไรดีกว่านี้ได้อีกน่ะ

ปล.ขณะที่นั่งเขียนบล็อคอยู่นี้ ก็ดีใจจริงๆที่ในที่สุดก็รู้เท่าทันความอ่อนไหวสุดเหวี่ยงชนิดไร้สาเหตุในวันนี้ของตัวเองได้......จะอะไรได้อีก ไม่พ้นเจอฮอร์โมนเล่นงานอีกแล้วสิเรา อามิตตาพุทธๆ เฮ่อ เจอกันเดือนล่ะครั้งพอน่ะ อ่อนไหวมากกว่านี้ม่ายหวายแล้ววววววววววววววววว

วันพุธ, เมษายน 18, 2550

A dream at night

fools me

Its' words,
whispered
and shouted

Its' vision,
uncensored

Its' joke,
shed my tears
and shook my heart

Its' visit,
flashed

A naked victim,
I am.

Can I wear a gun while I sleep?

วันอาทิตย์, เมษายน 15, 2550

Languages of the same truth

What is the mirror of Being? Non-being.
Bring non-being as your gift,
if you are not a fool.
: Jelaluddin Rumi
from Rumi Daylight
What we call non-living makes what we call living beings possible.
If we destroy the non-living, we also destroy the living.
: Thich nhat hanh
from The Diamond that cuts through illusion

วันเสาร์, เมษายน 14, 2550

Gatekeeper


Well its time to begin as the summer sets in

It's the scene you set for new lovers

You play your part painting it a new start

But each gate will open another

June July and August said

"Its probably hard to plan ahead"

June July and August said,

"Its better to bask in each other"

Gatekeeper seasons wait for your nod

Gatekeeper you held your breath

Made the summer go on and on

Well they tried to stay in from the cold and wind

Making love and making dinner

Only to find that the love the grew in the summer

Froze
February April said

"Don't be fooled by that summer again"

February April said

"That half of the year, we'll never be friends"

Gatekeeper seasons wait for your nod

Gatekeeper you your breath and made winter go on and on

Gatekeeper Gate keeper Gate keeper

Seasons wait for your nod


:Feist

let it die

วันศุกร์, เมษายน 13, 2550

me and my role model



"อย่าดูหมิ่นในกุศลธรรม
แม้เพียงเล็กน้อย"
...........................
"ทำเพราะว่ามันถูกต้อง
ไม่ใช่ทำเพราะเห็นว่ามันจะสำเร็จเท่านั้น"
พี่รสนา

วันพุธ, เมษายน 11, 2550

ปลาดุก ช่างซ่อมส้วม คนทาสี และอาสาสมัครหลักลอย

เวลาคนถามว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ บอกไม่ถูกไม่รู้จะตอบว่าทำอะไร เพราะไม่ได้ตอบง่าย เช่น เป็นหมอ ตำรวจ พนักงานบริษัท
มานึกสงสัยว่า อาชีพ ในสังคมนี้มันก็มีหลากหลายกว่าที่เราคิดหรือเปล่า
เมื่อวานข้าพเจ้าได้พบคนที่มีอาชีพแบบที่ข้าพเจ้าไม่คุ้นเคยหลายคนที่น่าสนใจเลยเก็บเอามาเล่าให้ฟัง อาชีพแรก เป็นปลาดุก ฟังไม่ผิด ปลาดุกนี้เพิ่งสังเกตุว่าวิธีการทำมาหากินของมันต่างจากปลาสวายมาก เวลาที่คนโยนขนมปังลงในน้ำ ปลาสวายจะโผมากระโดดขึ้นงาบขนมปัง ลำตัวมันจะฟาดน้ำดัง ป๊าป สไตล์ดุเดือดเลือดพล่าน แต่ถ้าเป็นปลาดุก มันจะว่ายมาในแนวดิ่งเกือบเก้าสิบองศา มาที่ขนมปังแล้วอ้าปาก ดูดขนมปังเข้าปากไปอย่างเงียบเชียบ ข้าพเจ้าว่ามันดูเท่จัง
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าจะเขียนให้ตลกหรืออะไร เป็นเพราะเพิ่งจะได้อ่านหนังสือของท่านพุทธทาสเล่มหนึ่งที่ท่านเทศน์ในหัวเรื่อง ทำงานไปพลางตกนรกไปพลาง
ท่านพูดว่าคนมักทำงานไปพลางตกนรกไปพลาง ต้องอายแมว แมวมันทำมาหากินไม่เห็นเป็นทุกข์
ก็เลยว่าเออ จริงๆสัตว์มันก็ทำอาชีพ ทำมาหากินเหมือนกัน อย่างปลาดุก ผู้สุขุมลุ่มลึก เป็นต้น
อาชีพถัดมา คือ ช่างซ่อมห้องน้ำ
พี่คนนี้ครั้งแรกที่คุยโทรศัพท์กัน ขอสารภาพว่าตัวเองเผลอตัดสินเค้าไปตั้งแต่ยังไม่เจอตัว ว่าแกนิสัยไม่ดีแน่เลย
เนื่องด้วยพี่แกเข้าใจผิดคิดว่าเราหาว่าแกเป็นคนทำความสะอาดส้วม แกจะวางหูใส่เลย
แต่พอมาเจอตัวจริง แกทำให้เราทึ่งมาก เพราะความที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่างานซ่อมส้วมนี่มันละเอียด จุกจิก เอามากๆ เวลาที่แกพูดถึงงานซ่อมส้วม แกพูดเหมือนกำลังปั้นรูปปั้นเดวิค อะไรประมาณนั้นเลย
อย่างนี้เรียกว่าแกทำงานกับสุขาแล้วสุขจริงๆ ไม่ตกนรก
อาชีพที่ สาม
อาชีพคนทาสีเส้นแบ่งช่องจราจรบนถนน
ระหว่างที่ขับผ่านสะพานโค้งที่บรรดารถราขับกันเร็วหวือมาก ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นคนงานหลายคนยืนทาสีขอบถนนกันอย่างแข็งขัน ดูแล้วเป็นอาชีพที่ลำบากมากทีเดียว ไหนจะเสี่ยงรถชน แดดเดือนเมษานี่ก็ใช่เล่นๆ แล้วยังเป็นอาชีพที่อาจไม่เคยมีใครนึกถึงมาก่อน
เออ ถนนมันจะสร้างแล้วมาพร้อมเส้นแบ่งได้ไง ก็ต้องมีคนมานั่งทาสีกลางแดดเสี่ยงรถชนอย่างนี้นี่เอง
แถมเมื่อข้าพเจ้าขับเลยมาไม่เท่าไหร่ ฝนก็เกิดเพี้ยนตกลงโคร่ม คนทาสีจะต้องเปียกชนิดไม่มีที่หลบทันแน่ๆ
อันนี้ไม่รู้ว่าเค้าจะทำงานไปพลางตกนรกไปพลางหรือไม่ วันหน้าหากมีโอกาสได้คุยก็จะสอบถามดูซักหน่อย
อาชีพสุดท้าย
ก็อาชีพอาสาสมัครหลักลอยอย่างเรานี่ไง ฮา
แน่ว่าอาชีพนี้ไม่ต้องทำงานไปพลางตกนรกไปพลาง
เพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าก่อเกิดประโยชน์ ได้พบพานมิตรดีมากมาย
แถมยังได้ไปรู้จักคนซ่อมส้วม ได้ไปนั่งให้อาหารปลาในเวลาที่คนเค้านั่งกันในออฟฟิศ
มีข้อเสียก็คือไม่รู้จะตอบคำถามที่ว่าทำอะไรอยู่ให้มันฟังง่ายๆยังไง เพราะบางคนก็คงไม่ได้อยากฟังจริงๆ
แค่ตอบไปว่าเป็น ทหาร ตำรวจ นายแบงค์ก็คงจะดีกว่า
ว่าไป มัวแต่นั่งเขียนบล็อคทำไม ไม่ได้ทำอาชีพนักเขียนซักหน่อย
ต้องไปทำงานก่อนล่ะ บายๆ

วันอาทิตย์, เมษายน 08, 2550

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย

จะดีหรือจะร้ายที่เกิด...กับฉัน
ก็เกิดไปแล้ว
ก็จบไปแล้ว

ไม่สำคัญอะไรเลย
ว่าจะเป็นดีหรือร้ายที่เกิด...กับฉัน

ก็มันมีอีกตั้งมากมาย
ก็มันมีอีกตั้งหลายผู้คน รวมถึง หมา มด นก แมลงสาบ อะมีบ๊า และอื่นๆ

ดี ร้าย ร้าย ดี ดี ดี ร้าย ร้าย ดี ร้าย ร้าย ดี ดี ดี ร้าย

ดีเฉยๆ
ร้ายเฉยๆ
ก็แค่นั้น

ถ้าจะให้ดี
ดีเป็นปุ๋ย
ร้ายก็เป็นปุ๋ย
สำหรับต้นไม้แห่งปัจจุบันขณะ

วันเสาร์, เมษายน 07, 2550

how lucky I have double birthday parties!

I feel warmth in the air around us tonight.
I feel joy in all your smilling faces tonight.
I feel compassion in laughs we shared tonight.
I feel sunshine in the song we sang tonight.
I feel love in "banh jui"you all baked for me tonight.
I feel something so far beyond I have ever expected tonight.
Thank you all my dear sisters and brothers

วันพฤหัสบดี, เมษายน 05, 2550

25th

p'jan,sister Niramisa,ying ying, p'poky,khun maesuwari,sister sikkakallaya, me, gioi, birthday cake, present and happiness
many thanks
many kisses
many hugs
to parents, sister, brothers and friends
for everyone even friends who forgot my birthday I know it doesn't mean you don't love me, right?
wish you all love and peace